UN เผย สงครามกาซา ทำเด็กพิการกว่า 21,000 คน
กี่ชีวิตที่ต้องสังเวย กี่คนที่หมดอนาคต เพราะ…สงคราม!!!
สื่อต่างประเทศ รายงานว่า วันที่ 3 ก.ย.68 ที่ผ่านมา คณะกรรมการว่าด้วยสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ (UNCRPD) ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณี สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ในฉนวนกาซา ซึ่งปะทุขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.66 และยังปะทะกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ พบว่า สงครามดังกล่าว ทำให้เด็กๆ ราว 40,500 คน ได้รับบาดเจ็บ และกว่า 21,000 คนต้องกลายเป็นผู้พิการ
และมื่อทบทวนสถานการณ์ในดินแดนปาเลสไตน์ พบว่าคำสั่งอพยพของอิสราเอลระหว่างที่กองทัพโจมตีฉนวนกาซา มักไม่เข้าถึงผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินหรือการมองเห็น ทำให้ไม่สามารถอพยพได้
รายงานยังระบุด้วยว่า ผู้พิการถูกบังคับให้หลบหนีในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยและไม่เหมาะสม เช่น ต้องคลานไปบนทรายหรือโคลนโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือในการเคลื่อนไหว ซ้ำยังมีข้อจำกัดในการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับผู้พิการอีกด้วย
“ผู้พิการต้องเผชิญกับการหยุดชะงักอย่างรุนแรงในการช่วยเหลือ ทำให้หลายคนไม่มีอาหาร น้ำสะอาด หรือสุขอนามัย และต้องพึ่งพาผู้อื่นเพื่อความอยู่รอด” รายงาน ระบุ
แม้จะมีมูลนิธิคอยช่วยเหลือ 4 จุดทั่วทั้งดินแดน แต่ระบบของสหประชาชาติที่มูลนิธินี้เข้ามาแทนที่ส่วนใหญ่มีจุดแจกจ่ายเพียงประมาณ 400 จุดเท่านั้น ขณะที่อุปสรรคทางกายภาพ เช่น เศษซากจากสงคราม และการสูญเสียอุปกรณ์ช่วยในการเคลื่อนไหวใต้ซากปรักหักพัง ทำให้ผู้คนไม่สามารถเข้าถึงจุดให้ความช่วยเหลือที่ย้ายมาได้
คณะกรรมการ กล่าวว่า คนพิการร้อยละ 83 สูญเสียอุปกรณ์ช่วยเหลือ โดยส่วนใหญ่ไม่สามารถซื้อทางเลือกอื่นได้ รวมถึงมีการแสดงความกังวลว่าอุปกรณ์ต่างๆ เช่น รถเข็น ตัวช่วยเดิน ไม้เท้า เฝือก และอุปกรณ์เทียม ถือเป็น “สิ่งของใช้ได้สองทาง” โดยทางการอิสราเอล และจึงไม่รวมอยู่ในสิ่งของช่วยเหลือที่จัดส่งไป
คณะกรรมการ กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 157,114 ราย โดยมากกว่าร้อยละ 25 มีความเสี่ยงที่จะบกพร่องตลอดชีวิต ระหว่างวันที่ 7 ต.ค.66 – 21 ส.ค.68
คณะกรรมการ จึงได้เรียกร้องให้ อิสราเอลใช้มาตรการเฉพาะเพื่อปกป้องเด็กพิการจากการถูกโจมตี และปฏิบัติตามพิธีการอพยพที่คำนึงถึงผู้พิการด้วย โดยอิสราเอลควรทำให้แน่ใจว่าคนพิการ “ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านอย่างปลอดภัยและได้รับความช่วยเหลือในการกลับบ้าน”