โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ลับ ลวง พราง 'ส้ม' ขย่ม 'แดง' บีบยุบสภา หมากบังคับเพื่อไทย ดับฝัน 'หนู'

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“สงครามข่าวสาร” ท่ามกลางสูตรจัดตั้งรัฐบาล ไล่ตั้งแต่การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 2 ก.ย.68 ที่ว่ากันว่า มีประเด็นข้อเถียงเกี่ยวกับอำนาจ“รักษาการนายกรัฐมนตรี” ในการประกาศยุบสภา

หรือการให้ข่าวจากฝั่ง “บิ๊กเนมรัฐบาล” โดยเฉพาะ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ฉายภาพไปถึง “ไพ่ตาย” ยุบสภา

ก่อนที่ในช่วงเย็นวันเดียวกัน จะมีการปล่อยข่าว จากพรรคประชาชนมีมติจะโหวตให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32

แม้ภายหลังจะมีคำชี้แจงจากฝั่ง “พรรคส้ม” ยืนยันว่า กระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง

ทว่าท่ามกลาง “สงครามข่าวสาร” ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เห็นชัดถึงการวางแผนแบบหลายชั้นหลายตอน

ฝั่งหนึ่ง “ปล่อยข่าว” เคาะสูตรจับมือ “ส้ม-น้ำเงิน” ขณะที่อีกฝั่งปล่อยข่าว ยื่นทูลเกล้าฯ “ยุบสภา” ย่อมเป็นการตอกย้ำฉากการเมืองที่ต่างฝ่ายต่างซ่อน “ไพ่ลับ” ไว้ต่อรองอีกหลายใบ

มีคำถามว่า เมื่อเป้าประสงค์ของพรรคประชาชน ต้องการให้มีการยุบสภาโดยเร็วที่สุด เห็นชัดจากท่าทีของแกนนำพรรค ที่พูดย้ำชัดมาตั้งแต่วันที่มีการปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่าง “แพทองธาร ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และ “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา เมื่อวันที่18 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมาเสียด้วยซ้ำ

ฉะนั้นการเลือกสูตรจับมือกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือน ก่อนมีการยุบสภา จะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ตอบโจทย์พรรคส้มในสภาวะที่กำลัง “ถือแต้มต่อ”มากน้อยแค่ไหน

เพราะแม้แต่ “แกนนำพรรค” เองก่อนหน้านี้ก็ยังออกมายอมรับว่า ภายใต้สูตรการเมืองทั้ง “ส้ม-แดง” และ “ส้ม-น้ำเงิน” ทั้ง 2 สูตรต่างก็ “ไม่ไว้ใจทั้งคู่” เหตุใดพรรคส้มจึงยอมปล่อยให้เวลายืดเยื้อออกไปอีก 4 เดือน แถมยังต้องไปลุ้นว่า รัฐบาลเฉพาะกิจที่จะตั้งขึ้นจะรักษาข้อตกลงหรือไม่

4 เดือนรัฐบาลเฉพาะกิจไม่มีจริง

ไหนจะความเห็นของ “ธงทอง จันทรางศุ” อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งสมติฐานสูตรรัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือนก่อนยุบสภาไว้อย่างน่าสนใจว่า สมมติว่ามีการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จบนเงื่อนไขว่า จะต้องยุบสภาหลังแถลงนโยบายแล้ว 4 เดือน

1. กะประมาณว่า รัฐบาลใหม่จะเข้าแถลงนโยบายภายในเดือนกันยายน

2. บนข้อสันนิษฐานเช่นนั้น เวลา 4 เดือน ถ้าเริ่มนับจากวันที่ 1 ตุลาคม จะครบกำหนดที่สิ้นเดือนมกราคม 2569

3. ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งเพราะเหตุยุบสภา จะต้องมีในกำหนดเวลาไม่น้อยกว่า 45 วันแต่ไม่เกิน 60 วันนับแต่วันพระราชกฤษฎีกายุบสภาใช้บังคับ หมายความว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม หรืออย่างช้าต้นเดือนเมษายน 2569

4. เมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว กว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะประกาศผลการเลือกตั้ง กว่าที่จะมีการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล จากประสบการณ์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2566 ต้องใช้เวลาช่วงนี้อีก 2 เดือน สมมติว่านับ ปฏิทินตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน รัฐบาลชุดใหม่น่าจะเข้ารับหน้าที่ได้ต้นเดือนมิถุนายน 2569

รัฐบาลใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในเดือนกันยายนปีนี้ จึงจะอยู่ในหน้าที่ไป เป็นเวลาประมาณ 8-9 เดือน ถ้าไม่มีปัจจัยแทรกซ้อนให้เวลายาวนานไปกว่านี้

จึงน่าสนใจว่า การโยนหินสูตร “ส้ม-น้ำเงิน” ออกมาในเวลานี้ ลึกๆ แล้ว ฝั่งส้มอาจหวังให้เกิดเกมบีบไปยังพรรคเพื่อไทย เร่งเกมยุบสภา มากกว่าที่จะให้มีการตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ แล้วค่อยยุบสภาทีหลัง ซึ่งจะทำให้ไทม์ไลน์ยืดเยื้อออกไปหรือไม่ อ่านไพ่ดีๆ เกมนี้ “พรรคส้ม” ก็มีแต่ได้กับได้

ผ่าเกมเพื่อไทย “ยื้อ-ยุบ” ดับฝันของ “หนู”

ไม่ต่างจากเกมของเพื่อไทย ที่เก็บงำความแค้นฝั่ง “สีน้ำเงิน” จากกรณี 36 สว.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยคุณสมบัติของ “แพทองธาร” นายน้อยเพื่อไทยจนหลุดเก้าอี้นายกฯ

ที่เห็นสัญญาณชัดว่า กำลังเดินเกมเร็ว เล่นเกมหนัก สกัดฝันของ “หนู” สู่นายกฯ คนที่ 32 ทำนองที่ว่า “ถ้าฉันไม่ได้เธอก็ต้องไม่ได้เช่นกัน”

อ่านเกมเพื่อไทยเวลานี้ เห็นชัดถึงสัญญาณ “ยื้อ-ยุบ” ทั้งการเปิดเกม “ยื้อ” ด้วยการให้กรณี “20 สส.เพื่อไทย” นำโดย “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 เสียงวินิจฉัยให้ แพทองธาร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี

โดยในหนังสือระบุเนื้อหาโดยสรุปว่า เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ที่อาจส่งผลต่อความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ “สราวุธ ทรงศิวิไล”ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน “ปัญญา อุดชาชน” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง

ดังนั้น เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง “สราวุธ” ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 การที่ “ปัญญา” ได้ร่วมพิจารณา และลงมติดังกล่าว จึงอาจมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมายของการพิจารณา และวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญได้

ทว่าประเด็นนี้ทำไปทำมาจะกลายเป็นประเด็นที่ย้อนศรกลับมาทิ่มแทงพรรคเพื่อไทยหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นการ “ปล่อยเอกสาร” ที่อ้างว่าเป็นพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ “สราวุธ” ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.68

ทั้งที่ยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 30 ส.ค.68 ซึ่งกำลังเป็นประเด็นถกเถียงในแง่กฎหมายในเวลานี้

เกมเพื่อไทยไฟต์บังคับยุบสภาฯ?

ไหนจะ “ข่าวปล่อย” เริ่มนับหนึ่งกระบวนการทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกา “ยุบสภา”

ก่อนที่ต่อมาพรรคเพื่อไทยจะออกมาแก้ข่าว ว่าเป็นเพียงแผนสอง ที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมการ

แต่ลึกๆ แล้วเจตนาเพื่อไทยหวังผลไปที่การเปิดเกมสกัดขัดขวางอำนาจอีกฝั่งในการก้าวขึ้นสู่อำนาจ

จริงอยู่แม้ประเด็นการยุบสภาฯ จะมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับอำนาจ “รักษาการนายกฯ” ในการประกาศ “ยุบสภา” โยงไปถึงประเด็น“พระราชอำนาจ” ที่อาจนำไปสู่การยื่นตีความ

ทว่าลึกๆ แล้ว เกมที่ถูกมองว่า พรรคเพื่อไทยกำลังเสียเปรียบ ทำไปทำมาอาจเป็นหมากบังคับ ที่พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องเลือกเดินเพื่อพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ในการรั้งอำนาจไม่ให้ตกไปอยู่ในมือสีน้ำเงินโดยง่าย

อย่าลืมว่า ตามกระบวนการ กว่าจะถึงชี้ขาด ระหว่างนี้เพื่อไทยก็ยังครองอำนาจในฐานะรักษาการไปได้เรื่อยๆ ดีกว่าที่จะให้อำนาจเปลี่ยนมือ

ประเด็นนี้มีความเห็นจาก ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาเลคเชอร์ข้อกฎหมาย หยิบยกมาตรา 182 แห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งบัญญัติว่า “… พระบรมราชโองการอันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ เว้นแต่ที่มีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในรัฐธรรมนูญ”

ฉะนั้นจึงเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะทูลเกล้าฯ ดังที่ได้กล่าวไป และเมื่อทรงโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีก็จะเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ

สรุปง่ายๆ ในมุม “ปริญญา” มองว่าอำนาจ ครม.สามารถทูลเกล้าฯ ได้ ส่วนจะโปรดเกล้าฯ หรือไม่? โดยเฉพาะกรณีที่เป็นอำนาจ รักษาการนายกฯ ในขณะที่สภากำลังเลือกนายกฯ คนใหม่ เป็นเรื่องที่ยังไม่เคยเกิด

แน่นอนว่าเบื้องลึกภายใต้ “สงครามข่าว” ที่ถูกปล่อยออกมาทั้งข่าวจริง-ข่าวลวงในเวลานี้ เอาเข้าจริงยังคงซ่อนไว้ด้วยไพ่อีกหลายใบที่อาจพลิกเกมได้เสมอ

พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...