ฮามาสกร้าว ไม่ยอมรับแผนการยึดครองฉนวนกาซาของสหรัฐ
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองกาซาซิตี ฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ว่า หนังสือพิมพ์ “เดอะ วอชิงตัน โพสต์” รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาแผนการที่จะทำให้ฉนวนกาซา ซึ่งมีประชากรประมาณ 2 ล้านคน กลายเป็นดินแดนภายใต้การบริหารของสหรัฐ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี
เอกสารชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการริเริ่มดังกล่าว ความยาว 38 หน้า ระบุว่า เป้าหมายคือ การเปลี่ยนฉนวนกาซาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและศูนย์กลางเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงเรียกร้องให้มีการย้ายถิ่นฐานประชากรทั้งหมดเป็นการชั่วคราว ไม่ว่าจะดำเนินการผ่านการเดินทางไปยังประเทศอื่น “โดยสมัครใจ” หรือการย้ายไปยังเขตจำกัดที่ปลอดภัยภายในดินแดน
นอกจากนี้ ชาวกาซาซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน จะได้รับโทเคนดิจิทัลจากกองทุนทรัสต์ เพื่อแลกกับสิทธิในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของพวกเขา โดยผู้รับสามารถใช้โทเคนนี้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อื่น หรือแลกเป็นอพาร์ตเมนต์ในเมืองหนึ่ง จากเมืองใหม่ทั้งหมด 6-8 แห่ง ซึ่งเป็นเมืองอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่จะสร้างขึ้นในฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม นายบาสเซม นาอิม เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส ประณามข้อเสนอดังกล่าวในวันต่อมา โดยเขายืนกรานว่า ฉนวนกาซา “ไม่ได้มีไว้ขาย” และเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนปาเลสไตน์ที่ยิ่งใหญ่
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งจากกลุ่มฮามาส กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มฮามาสปฏิเสธแผนการทั้งหมดที่ทอดทิ้งประชาชน และปล่อยให้ผู้ยึดครองอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ อีกทั้งข้อเสนอข้างต้นยัง “ไร้ค่าและไม่ยุติธรรม”
อนึ่ง ทรัมป์เสนอการเปลี่ยนฉนวนกาซาให้เป็น “ริเวียราแห่งตะวันออกกลาง” เป็นครั้งแรกเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา แต่แนวคิดนี้เรียกเสียงประณามอย่างรวดเร็วจากโลกอาหรับ รวมถึงชาวปาเลสไตน์ เนื่องจากความพยายามใด ๆ ที่จะขับไล่พวกเขาออกจากฉนวนกาซา ทำให้นึกถึง “วันนักบา” หรือ “วันแห่งหายนะ” ซึ่งเป็นเหตุการณ์พลัดถิ่นครั้งใหญ่ของชาวปาเลสไตน์ ในช่วงการสถาปนาอิสราเอล เมื่อปี 2491.
เครดิตภาพ : AFP