ดินถล่มหมู่บ้านในซูดาน คร่าชีวิตผู้คนกว่า 1,000 ราย
ทีมกู้ภัยกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อเข้าถึงหมู่บ้านบนภูเขาอันห่างไกลในเขตดาร์ฟูร์ของซูดาน หลังจากดินถล่มครั้งใหญ่ฝังกลบเกือบทั้งหมู่บ้าน คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 1,000 ราย
ผู้คนกำลังตรวจสอบตามซากปรักหักพังหลังจากเกิดดินถล่มทำลายหมู่บ้านทาราซิน ในเขตเทือกเขาเจเบลมาร์ราของซูดาน เมื่อวันที่ 1 กันยายน (Photo by SUDAN LIBERATION MOVEMENT/ARMY / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 2 กันยายน 2568 กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักเป็นชนวนเหตุให้เกิดดินถล่มในซูดานเมื่อวันอาทิตย์ ส่งผลให้หมู่บ้านทาราซินในเทือกเขาเจเบลมาร์ราพังราบเป็นหน้ากลอง และคร่าชีวิตคนทั้งหมู่บ้าน เหลือรอดเพียงคนเดียว
กลุ่มกบฏซูดานซึ่งควบคุมพื้นที่ดังกล่าว ระบุในแถลงการณ์กล่าวว่า "ข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่าชาวบ้านเสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งคาดว่ามีมากกว่า 1,000 ราย และมีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว" พร้อมเรียกเหตุการณ์ดินถล่มครั้งนี้ว่ารุนแรงและร้ายแรง
กลุ่มฯได้ร้องขอความช่วยเหลือจากสหประชาชาติและองค์กรบรรเทาทุกข์อื่นๆ ในการกู้คืนศพที่ยังคงถูกฝังอยู่ใต้โคลนและซากปรักหักพัง เนื่องจากขนาดของภัยพิบัติครั้งนี้ใหญ่โตเกินกว่าทรัพยากรที่พวกเขามีอยู่
อย่างไรก็ตาม สหภาพแอฟริกาเรียกร้องให้ซูดานหยุดกระบวนการสู้รบเสียก่อน และอนุญาตให้ส่งมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยจากดินถล่มที่คร่าชีวิตผู้คน
"ในสถานการณ์ที่เจ็บปวดเช่นนี้ ประธานคณะกรรมาธิการขอเรียกร้องให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียชาวซูดานทุกคนระงับเสียงปืน และร่วมมือกันอำนวยความสะดวกในการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฉุกเฉินแก่ผู้ที่ต้องการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ" คณะกรรมาธิการฯ ระบุในแถลงการณ์
ทั้งนี้ กลุ่มกบฏควบคุมพื้นที่บางส่วนของเทือกเขาเจเบลมาร์รา และส่วนใหญ่อยู่ห่างจากความขัดแย้ง แต่มีผู้คนหลายแสนคนหลบหนีเข้าไปในดินแดนที่กลุ่มดังกล่าวยึดครอง เพื่อหนีความรุนแรง
เจเบล มาร์รา เป็นเทือกเขาภูเขาไฟที่ขรุขระและทอดยาวประมาณ 160 กิโลเมตร (100 ไมล์) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเอล-ฟาเชอร์ เมืองหลวงของรัฐดาร์ฟูร์เหนือที่ถูกปิดล้อม
พื้นที่นี้มักเกิดดินถล่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนซึ่งมีฝนตกหนักที่สุดในเดือนสิงหาคม
พื้นที่ส่วนใหญ่ของดาร์ฟูร์ รวมถึงพื้นที่ที่เกิดดินถล่ม ยังคงไม่สามารถเปิดให้องค์กรช่วยเหลือระหว่างประเทศเข้าถึงได้ เนื่องจากการสู้รบที่ยังคงดำเนินอยู่ ทำให้การให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินมีข้อจำกัดอย่างมาก
ยิ่งภัยพิบัติครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนของซูดาน จึงทำให้เส้นทางบนภูเขาไม่สามารถสัญจรได้
นอกจากนี้ ในเขตสงครามหลักของซูดานอย่างดาร์ฟูร์ โครงสร้างพื้นฐานเองก็มีความเปราะบางอยู่แล้วหลังจากการสู้รบมานานกว่าสองปี.