“สว.ภิญญาพัชญ์” กังวลภาษีทรัมป์” เอาสุขภาพคนไทยไปแลก
"สว.ภิญญาพัชญ์" กังวลผลเจรจา"ภาษีทรัมป์" เอาสุขภาพคนไทยไปแลก ต้องนำเข้าเนื้อหมูที่มี "สารเร่งเนื้อแดง" ชี้ กระทบสุขภาพประชาชนแน่นอน แถมทำลายระบบเกษตรกรรมไทย เผยกว่า 160 ประเทศห้ามใช้เด็ดขาด
น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) แสดงความกังวลต่อกรณีที่รัฐบาลไทยเจรจากับสหรัฐอเมริกาเพื่อลดอัตราภาษีตอบโต้ หรือภาษีทรัมป์ ว่า หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญ อาจนำไปสู่การเปิดทางให้มีการนำเข้าเนื้อสุกร จากสหรัฐฯ ที่ผ่านกระบวนการเลี้ยงด้วยการใช้สารเร่งเนื้อแดง (Ractopamine) เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยได้ ซึ่งนอกจากกระทบกับเกษตรกรไทยแล้ว ผู้บริโภคชาวไทยอาจจะมีความเสี่ยงด้วย
“รัฐบาลต้องไม่ประมาทเด็ดขาด เรื่องนี้ไม่ควรถูกพิจารณาแบบผิวเผินหรือมองเพียงผลประโยชน์ทางการค้าระยะสั้น เพราะสิ่งที่ต้องแลกอาจเป็นสุขภาพของประชาชนและความยั่งยืนของเกษตรกรรมไทย” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวต่อว่า สารเร่งเนื้อแดง ถูกใช้ในบางประเทศ เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อสัตว์ ลดไขมัน และเพิ่มปริมาณเนื้อแดง แต่ในประเทศไทย รวมถึงอีกกว่า 160 ประเทศทั่วโลก เช่น สหภาพยุโรป จีน รัสเซียและญี่ปุ่น ได้มีคำสั่งห้ามใช้และห้ามนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ที่มีสารเร่งเนื้อแดง เนื่องจากมีข้อกังวลด้านสุขภาพในผู้บริโภค เช่น ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ ความดันสูง หรืออาการแพ้รุนแรง โดยประเทศไทยได้ประกาศห้าม ทั้งในกระบวนการผลิต และการนำเข้าอาหารที่มีสารตกค้าง ผ่านประกาศกระทรวงสาธารณสุข และประกาศของกรมปศุสัตว์มา 30 ปีแล้ว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวว่า หากยอมให้มีการเปิดทางนำเข้าเนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดงได้จริง ถือเป็นการบั่นทอนมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหารของประเทศ และอาจนำไปสู่การที่เกษตรกรไทยกดดัน ต้องหันมาใช้สารเร่งเนื้อแดงบ้างในอนาคตเพื่อแข่งขันกับต้นทุนที่ถูกลงของสินค้านำเข้า
"ดิฉันมองว่าไม่ใช่แค่การลดมาตรฐานความปลอดภัย แต่ยังเป็นการทำลายเกษตรกรไทยอย่างเลือดเย็น ระบบฟาร์มปศุสัตว์ของเราจะต้องแบกรับความเสี่ยงทั้งด้านต้นทุนการผลิตและจริยธรรมดิฉันขอยกตัวอย่าง ประเทศฟิลิปปินส์ที่เคยอนุญาตให้นำเข้าเนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐฯ ก็ทำให้ราคาหมูในประเทศพุ่งสูงขึ้นถึง 15–30% ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศ" น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ ย้ำว่า ความมั่นคงทางอาหารเป็นประเด็นที่ไม่ควรถูกละเลยในการเจรจา เพราะอาจต้องแลกมาด้วยปัญหาเรื้อรังในระยะยาว ซึ่งคนไทยทุกคนจะต้องแบกรับ ตนขอเรียกร้องให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องร่วมกันทบทวนแนวทางการดำเนินการ และให้ความสำคัญกับเสียงของเกษตรกรและผู้บริโภคในประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews