"ศบ.ทก." ยันไทยเห็นด้วย "หยุดยิง" จะทำได้ ต่อเมื่อ "กัมพูชา" จริงใจ ซัดยั่วยุ ปลุกระดมคนกัมพูชา ยิงใส่รพ.ไร้มนุษยธรรม
วันที่ 27 ก.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า กรณีปรากฏเป็นข่าวเรียกร้องของบางประเทศ ให้ทั้งไทยกับกัมพูชาหยุดยิง ฝ่ายไทยขอชี้แจงว่า เห็นด้วยในหลักการดังกล่าว แต่จะกระทำได้ต่อเมื่อฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจและเข้าร่วมหารือในขั้นตอนในรายละเอียดต่างๆด้วย รวมทั้งหยุดยิงเป็นที่ประจักษ์
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่ผ่านมาเห็นได้ว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงมีการส่งกำลังทหารเข้าปะทะบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ของเขาพระวิหาร ในเวลา 02.10 น. ประกอบด้วย การยิงจรวด BM-21 ในเวลา 06.10 น. เป็นกระสุนชนิดจรวดเข้ามายังฝ่ายไทย ตกบริเวณบ้านตาโสร์ หมู่ 10 ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายของพลเรือน ทำให้บ้านของพลเรือนเสียหาย
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ในเวลา 15.30 น. กระสุนพื้นใหญ่ของกัมพูชาได้พุ่งเป้าใส่โรงพยาบาลในพื้นที่ ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีสะเกษ โรงพยาบาลบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งมีการใช้ประชาชนเป็นโล่กำบังในการตั้งอาวุธยิง ถือเป็นการใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างไร้หลักมนุษยธรรมในเรื่องของความเป็นมนุษย์ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น เราขอประณามในเรื่องของความไม่จริงใจในการพูดคุยของฝ่ายกัมพูชาโดยที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิเสธและเลื่อนการพูดคุยเจรจาหารือในเวทีทวิภาคีอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเจบีซี หรืออาร์บีซี ฝ่ายไทยมองว่า การประชุมต่างๆ เหล่านี้ถือว่าสามารถนำประเด็นต่างๆ ที่เรามีข้อขัดแย้งระหว่างกัน สามารถนำมาหารือได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มที่ ที่ผ่านมาสังเกตได้ว่า ฝ่ายกัมพูชามีการเสริมกำลังทางทหาร เตรียมที่มั่น ดัดแปลงตามบริเวณชายแดนอย่างต่อเนื่อง มีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา
การแสดงท่าทียั่วยุส่งเสริมการปลุกระดมมวลชนชาวกัมพูชาทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าสู่พื้นที่ความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดน โดยใช้กระแสชาตินิยมมาปลุกปั่น หวังยกระดับให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนการแสดงออกท่าทีของความพร้อมในการใช้กำลังทหารผ่านการโพสต์ ผ่านช่องทางสื่อสารสังคมออนไลน์ต่างๆ ด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริง และกล่าวหาประเทศไทยอย่างไร้หลักฐานที่เป็นฉนวนของความไม่พอใจและนำไปสู่การใช้รุนแรงต่อกันในเวลาต่อมา
พล.ร.ต.สุรสันต์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชายังดำเนินการใช้อาวุธหนัก ไม่ว่าจะเป็นปืนใหญ่กระสุนวิถีโค้ง จรวดหลายลำกล้อง BM-21 รวมทั้งปรากฏข่าวสารความเคลื่อนไหวว่า อาจจะมีการใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพ เช่น PHL-03, RM-70 และ BM-21 จรวดหลายลำกล้องเพิ่มเติม
พล.ร.ต.สุรสันต์ ยังสรุปยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เวลา 09.00 น. วันที่ 27 กรกฎาคม สำหรับผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนมี 13 ราย บาดเจ็บสาหัส 11 ราย บาดเจ็บปานกลาง 12 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย ยอดรวมทั้งหมด 49 ราย จะสังเกตได้ว่า ถึงแม้ตัวเลขอาจไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่คงต้องชื่นชมหน่วยงานในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ในการช่วยเหลือประชาชนอพยพออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน ถือว่าประชาชนอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้ว และได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ในเรื่องปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบัน เป็นปัญหาที่เกิดจากนโยบายและรัฐบาลกัมพูชาล้วนๆ ไม่ใช่เกิดจากพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ของทั้งสองประเทศ จึงขอวิงวอนให้ประชาชนชาวไทยหลีกเลี่ยงการแสดงความรุนแรงด้วยการใช้คำหรือการใช้กำลัง การดูหมิ่นเหยียดหยามพี่น้องกัมพูชาที่เข้ามาพำนักหรือทำงานในไทยอย่างสุจริต เช่นผู้ใช้แรงงาน นักเรียน นักศึกษา ชาวกัมพูชา หรือแม้กระทั่งผู้ประกอบการในทุกสาขาวิชาชีพ เว้นในกรณีที่ชาวกัมพูชานั้นแสดงกิริยาก้าวร้าว ขอให้ใช้สติและเหตุผลในการพูดจา ตักเตือน โดยหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ถ้าเหตุสุดวิสัยจริงขอแจ้งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองในการดำเนินการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป