หุ้นสหรัฐฯ ปิดลบถ้วนหน้า นลท.ผิดหวังประกาศงบ Q2 – จับตาผลประชุมเฟด
หุ้นสหรัฐฯ ปิดลบถ้วนหน้า นลท.ผิดหวังประกาศงบ Q2 จับตาผลประชุมเฟด
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -30 ก.ค. 68 7:46: น.
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแดนลบในวันอังคาร (29 ก.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดลดลง 204.57 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และแนสแดค ร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ที่น่าผิดหวัง ขณะที่นักลงทุนต่างเฝ้ารอแถลงการณ์ผลการประชุมและนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง 204.57 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 44,632.99 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 18.91 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 6,370.86 จุด และดัชนีแนสแดค ปรับตัวลดลง 80.29 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 21,098.29 จุด
บริษัทในดัชนีดาวโจนส์หลายแห่ง ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 โดยหุ้น UnitedHealth, Boeing และ Merck ล้วนปิดตลาดในแดนลบ หลังประกาศผลประกอบการรายไตรมาส 2 โดยหุ้น UnitedHealth บริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ ร่วงลง 7.5% และเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ลงมากที่สุด หลังคาดการณ์ผลกำไรที่น่าผิดหวัง ในขณะที่หุ้น Boeing ร่วงลง 4.4% แม้จะรายงานการขาดทุนในไตรมาส 2 ที่ลดลงก็ตาม ด้านหุ้น Merck บริษัทเวชภัณฑ์ ปรับตัวลดลง 1.7% หลังรายงานผลประกอบการและกล่าวว่าจะเลื่อนระยะเวลาการระงับการส่งมอบวัคซีน Gardasil สำหรับป้องกันไวรัส HPV ให้กับประเทศจีนออกไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2025 เนื่องจากอุปสงค์ที่ยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง
Tim Ghriskey นักยุทธศาสตร์พอร์ตการลงทุนจาก Ingalls & Snyder กล่าวว่า ผลประกอบการออกมาค่อนข้างผสมผสาน ข้อมูลเศรษฐกิจก็เช่นกัน แต่ยังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางของเฟดได้ ซึ่งในอีก 2 วันจะมีการรายงานผลประกอบการของ Microsoft, Meta, Apple และ Amazon ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ที่สามารถขับเคลื่อนตลาดได้ ขึ้นอยู่กับว่าผลประกอบการและแนวโน้มจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ บริษัทขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่งดังกล่าวจะประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้ และมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อทิศทางของตลาด เนื่องจากมีน้ำหนักต่อตลาดในอัตราที่สูง
ด้านหุ้น United Parcel Service (UPS) บริษัทจัดส่งพัสดุ ร่วงลงอย่างหนักถึง 10.6% หลังบริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 และยังคงระงับการเผยแพร่คาดการณ์รายได้และอัตรากำไรประจำปี ซึ่งเป็นการตอกย้ำความกังวลว่านโยบายการค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังส่งผลกระทบต่อบริษัท ซึ่งการร่วงลงของหุ้น UPS ยังส่งผลให้ดัชนี Dow Jones Transport Average ร่วงลง 2.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.
ขณะที่หุ้น Whirlpool ดิ่งลง 13.4% หลังผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายนี้ ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรประจำปีและเงินปันผลลง โดยอ้างถึงแรงกดดันจากการที่คู่แข่งเร่งนำเข้าสินค้าล่วงหน้าก่อนที่ภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์จะมีผลบังคับใช้ ขณะที่หุ้น Procter & Gamble ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ปรับตัวลดลง 0.3% เนื่องจากบริษัทคาดการณ์ผลประกอบการประจำปีต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ และกล่าวว่าจะขึ้นราคาผลิตภัณฑ์บางอย่างเพื่อชดเชยผลกระทบจากภาษี
ข้อมูลของ LSEG แสดงให้เห็นว่าบริษัทในดัชนี S&P 500 เกือบ 200 แห่งได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว โดยมีผลประกอบการสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 6.4% เทียบกับค่าเฉลี่ย 6.3% ในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา
ในด้านเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนก.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ สู่ระดับ 97.2 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่รายงานตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและการจ้างงานในสหรัฐฯ (JOLTS) ลดลง ซึ่งบ่งชี้ถึงสัญญาณการชะลอตัวที่เพิ่มขึ้นในตลาดแรงงาน โดยรายงานของ JOLTS เป็นข้อมูลชุดแรกเกี่ยวกับตลาดแรงงานที่มีการเผยแพร่ในสัปดาห์นี้ ก่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์
ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่กรุงสตอกโฮล์ม ของสวีเดนได้เสร็จสิ้นลง หลังการหารือเป็นเวลา 2 วัน โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีเป้าหมายที่จะแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า โดยประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าเขาได้รับรายงานจากนายสก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ว่าการประชุมกับจีนเป็นไปด้วยดี
นักลงทุนต่างจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินช่วงเวลาของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยคาดว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมในการประกาศนโยบายการเงินในวันพุธนี้
ที่มา Reuters
รายงาน โดย สิริพงศ์ สิริชุมศรี เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ