เติมฟิลเลอร์คางปรับรูปหน้าให้สวยละมุน แบบไม่ต้องกลัวเจ็บ อย่างไรให้ปลอดภัย
ในยุคที่หน้าเรียว กลายเป็นเทรนด์ความงามยอดฮิต มีคางได้รูป สมดุลกับใบหน้า กลายเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่กล้าผ่าตัดหรืออยากเจ็บตัวหนัก การฉีดฟิลเลอร์คาง จึงกลายเป็นอีกทางเลือกยอดนิยม เพราะเห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้น และทำได้ง่ายในเวลาไม่นาน แล้วฟิลเลอร์คางคืออะไร? เจ็บไหม? ต้องดูแลยังไง? เหมาะกับใคร? บทความนี้มีคำตอบให้ครบ
ฟิลเลอร์คาง คืออะไร? เหมาะกับใคร?
การเติมฟิลเลอร์คางคือ การเสริมความงามให้บริเวณรูปคางด้วยสารเติมเต็ม Filler ที่ใช้ส่วนประกอบหลักเป็น Hyaluronic Acid หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า เติมฟิลเลอร์ HA ที่เป็นสารสกัดที่เลียนแบบสารเติมเต็มเนื้อเยื่อที่มีอยู่ในร่างกายให้ และเห็นผลได้ดีโดยเฉพาะผู้ที่ต้องการปรับรูปคางทู่ ๆ คางไม่เท่ากันให้สมมาตร และให้เรียวยาวขึ้น และนั่นแหละที่ส่งผลให้รูปหน้าที่เคยตัดสั้น ไม่มีมิติ มีความเรียวสวยหล่อขึ้น สวยตามเทรนด์มากขึ้น
ฟิลเลอร์คางเจ็บไหม กลัวเข็มต้องทำยังไง? มารู้ข้อเท็จจริงกัน
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีคางสวย ได้รูปหน้าเรียวแบบธรรมชาติ แต่พอคิดถึงเข็ม แล้วรู้สึกขาสั่น มือเย็น บอกเลยว่า คุณไม่ใช่คนเดียว หลายคนก็เริ่มต้นจากความกลัวแบบนี้ทั้งนั้น แต่สิ่งที่เลอร์คาง ทำให้แตกต่างออกไปและทำให้ไม่น่ากลัวก็คือ ฟิลเลอร์รุ่นใหม่ส่วนมากมี ยาชาผสมอยู่แล้ว และก่อนฉีด คุณหมอจะทายาชาให้ด้วยนะ ดังนั้นอย่าเพิ่งกังวลจนเกินไป
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์คาง ที่คนขี้กลัวต้องรู้
เข้าใจว่ากลัวเจ็บ กลัวเข็ม กลัวพลาด แต่ก็อยากมีคางสวยเรียวสมใจใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ ทุกขั้นตอนของการฉีดฟิลเลอร์คาง แบบละเอียด เข้าใจง่าย เหมาะมากสำหรับ มือใหม่และคนขี้กลัวเป็นพิเศษ
พูดคุยกับคุณหมอ
บอกได้เลยว่าอยากปรับรูปหน้าแบบไหน มีความกังวลอะไร เช่น กลัวเจ็บ กลัวเข็ม ฯลฯคุณหมอที่ดีจะฟังอย่างตั้งใจ พร้อมแนะนำอย่างมืออาชีพ และช่วยวางแผนให้เหมาะกับรูปหน้าของคุณที่สุดค่ะ
ทำความสะอาดผิว และแปะยาชา
ก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์ทุกเคส จะต้องล้างหน้าให้สะอาด จากนั้นจะทายาชา หรือแปะยาชาบริเวณที่จะฉีด ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที เพื่อให้ผิวชา ลดความรู้สึกเจ็บได้มากเลย บางคลินิกมียาชาแบบฉีดเฉพาะจุดด้วย ถ้าคุณกลัวมาก บอกคุณหมอได้เลยนะ
เริ่มฉีดฟิลเลอร์
เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว คุณหมอจะเริ่มฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคเฉพาะ เข็มที่ใช้เล็กมาก ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 10–20 นาทีเท่านั้น อาจรู้สึกตึงนิด ๆ หรือเจ็บเบา ๆ ตอนเข็มจิ้ม แต่ไม่ถึงกับ "เจ็บจี๊ด" แน่นอน
ปรับแต่งรูปทรง และตรวจความเรียบร้อย
หลังฉีด คุณหมอจะเช็กและเกลี่ยฟิลเลอร์ให้กระจายตัวสวยเรียบเนียน บางเคสอาจมีการฉีดเพิ่มเล็กน้อยเพื่อให้รูปคางสมส่วนพอดีกับใบหน้า
ประคบเย็น & แนะนำการดูแลหลังฉีด
เสร็จแล้วจะมีการประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมช้ำ (ซึ่งโดยมากจะบวมนิดเดียวหรือแทบไม่บวมเลย) จากนั้นคุณหมอจะให้คำแนะนำการดูแลตัวเองหลังฉีด เช่น หลีกเลี่ยงการกด/นวดบริเวณคาง งดซาวน่า ดื่มแอลกอฮอล์ หรือออกกำลังหนัก 24–48 ชม.
เลือกฟิลเลอร์ยังไงให้ปลอดภัย เห็นผลจริง หน้าเป๊ะไม่โป๊ะ
อยากหน้าเรียว คางสวย ปรับรูปหน้าให้ละมุนขึ้นแบบธรรมชาติ แต่ปัจจุบันฟิลเลอร์มีหลายยี่ห้อ มีหลายราคา แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าอันไหน “ดี” และ “ปลอดภัยจริง?” วันนี้เราจะพามาเช็กทีละข้อแบบไม่ต้องเดา ให้คุณเลือกฟิลเลอร์ได้มั่นใจ ไม่มีโป๊ะ ไม่มีพังแน่นอน
ฟิลเลอร์ต้องเป็นของแท้ และมี อย.
ฟิลเลอร์ที่ดีควรเป็น สาร Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ต้องมี อย. ไทยรับรอง และ เลือกยี่ห้อที่ผ่านมาตรฐานสากล ซึ่งในประเทศไทยที่นิยมใช้ในคลินิกมาตรฐาน ได้แก่ Restylane, Juvederm, Belotero หรือ Neuramis เป็นต้น และอย่าหลงราคาถูกแบบผิดปกติเด็ดขาด เพราะอาจเป็นฟิลเลอร์ปลอมที่อันตรายมาก
เช็กกล่อง-ล็อต-เลข อย. ให้ชัวร์
ก่อนฉีด อย่าลืมให้คุณหมอแกะกล่องฟิลเลอร์ต่อหน้า และดูเลขล็อตกับเลข อย. ได้เลย เพื่อความปลอดภัยและโปร่งใส แถมยังช่วยลดความเสี่ยงจากของปลอมได้ด้วย
เลือกคลินิกและแพทย์ที่เชี่ยวชาญ
ต้องเข้าใจความจริงที่ว่า ต่อให้มีฟิลเลอร์ดีแค่ไหน ถ้าฉีดผิดจุดก็พังได้ ต้องเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานยืนยันได้ดังนี้
- มีใบอนุญาตเปิดอย่างถูกต้อง
- คุณหมอมีประสบการณ์เฉพาะทางด้านการฉีดฟิลเลอร์
- มีผลงานเคสรีวิวจริง ไม่แต่งรูปเกินจริง
- ใช้เทคนิคปลอดภัย ลดช้ำ ลดเสี่ยงเส้นเลือดอุดตัน อย่างเช่น ใช้เข็มทู่ ซึ่งเป็นเข็มฉีดฟิลเลอร์มาตรฐาน
เลือกฟิลเลอร์ตามปัญหาและตำแหน่ง
ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นไม่เหมือนกันนะ อย่าฉีดรุ่นที่ไม่เหมาะกับบริเวณนั้น เพราะอาจทำให้ ตึงเกิน ปูด เป็นก้อน หรือดูไม่ธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น
คาง: ใช้รุ่นที่เนื้อแน่น อยู่ทรงดี เช่น Juvederm Volux
ใต้ตา: ต้องใช้เนื้อนุ่มพิเศษ ไม่บวมน้ำ เช่น Belotero Balance
ร่องแก้ม:ใช้เนื้อกลางๆ เติมร่องได้เรียบเนียน
อ่านรีวิว / ดูเคสจริง
ไม่ต้องเชื่อแค่คำโฆษณามากเกินไป เพราะความจริงแล้วควรลองดูรีวิวเคสจริงจากคนที่เคยฉีดจริง โดยเฉพาะคนที่หน้าคล้าย ๆ กับเรา ดูว่าเขาได้ผลลัพธ์แบบที่คุณต้องการไหม เช่น รูป Before-After ที่ไม่ได้แต่งเกินจริงจะช่วยตัดสินใจได้ดีมากเลย
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์คาง เคล็ดไม่ลับ ทำได้ง่าย ๆ
หลังจากเข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์คาง แม้จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้นมาก แต่การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวย เนียน และอยู่ได้นานยิ่งขึ้น ดังนั้นอย่าลืมดูแลตัวเองตามคำแนะนำต่อไปนี้
หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณคาง
ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก ควรงดการจับ กด นวด หรือขยับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของสารเติมเต็ม
ท่านอนสำคัญมาก
ควรนอนหงาย โดยใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงเล็กน้อย หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เพื่อป้องกันแรงกดทับที่อาจส่งผลต่อรูปทรงของฟิลเลอร์
งดกิจกรรมที่เพิ่มอุณหภูมิร่างกาย
งดออกกำลังกายหนัก งดดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการเข้าอบซาวน่า หรือสัมผัสความร้อนทุกชนิดอย่างน้อย 1-2 วัน
ประคบเย็นเบา ๆ
หากมีอาการบวมหลังการฉีดฟิลเลอร์ สามารถประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเบา ๆ ได้ในช่วง 6-12 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยลดอาการบวมและอักเสบ
ดื่มน้ำมาก ๆ
การดื่มน้ำให้เพียงพอ 2-3 ลิตรต่อวัน จะช่วยให้ฟิลเลอร์ดูฟู เนียน และคงรูปได้นานขึ้น
หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า
งดการแต่งหน้า หรือใช้สกินแคร์บริเวณที่ฉีดในวันแรก เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองหรือการติดเชื้อ
สังเกตอาการผิดปกติ
หากพบอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวมแดงไม่ยุบ หรือผิวบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนสี ควรรีบหาหมอทันที
ฟิลเลอร์คางราคาประมาณเท่าไหร่? มีงบเท่าไหร่ถึงทำได้?
อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนอยากรู้กันมาก สำหรับราคาฉีดฟิลเลอร์คาง ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 8,000-20,000 บาท ต่อซีซี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์, จำนวน cc ที่ใช้, คลินิกและประสบการณ์ของแพทย์
ส่วนมากคางจะใช้ 1-2 cc แต่บางรายที่ต้องปรับเยอะอาจมากกว่านั้น แนะนำให้ประเมินกับคุณหมอที่เชี่ยวชาญก่อนเพื่อความชัดเจน
สรุป ฟิลเลอร์คางเหมาะกับใคร?
หากอยากมีคางได้รูป หน้าเรียวขึ้นแบบไม่ต้องผ่าตัด ฟิลเลอร์คาง คือทางเลือกที่ทั้งปลอดภัย เห็นผลไวและเจ็บน้อย เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าแบบเป็นธรรมชาติ หรืออยากลองก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมถาวร แต่อย่าลืมว่าความปลอดภัยมาก่อน ดังนั้นควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ และทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะ