ทำความรู้จัก Share Class ในกองทุนรวม มือเลือกชนิดหน่วยลงทุน | เงินทองของจริง
1853 ดูหลายคนที่เริ่มต้นศึกษาเรื่องการลงทุนในกองทุนรวมมักสงสัยว่า ทำไมกองทุนเดียวกันแต่มีให้เลือกหลาย Class ทั้ง A, D, E และ R แต่ละตัวต่างกันอย่างไร วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Share Class หรือ ชนิดหน่วยลงทุน ที่มีความสำคัญอย่างมากในการช่วยนักลงทุนเลือกกองทุนให้เหมาะกับเป้าหมายการลงทุนของตัวเองมากที่สุด ชนิดหน่วยลงทุนหลักที่ควรรู้จัก Class A - ชนิดสะสมมูลค่า (Accumulation) จุดเด่น เป็นกองทุนที่เน้นการสะสมผลตอบแทนในรูปของมูลค่าหน่วยลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลระหว่างที่ลงทุน ทำให้เงินที่ลงทุนไปสามารถสร้างผลตอบแทนทบต้นได้อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว และไม่ต้องการรับเงินปันผลระหว่างทาง อีกทั้งยังช่วยประหยัดภาษีจากการไม่ต้องเสียภาษีเงินปันผลด้วย Class D - ชนิดจ่ายเงินปันผล (Dividend) จุดเด่น สร้างกระแสเงินสดให้กับผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะเป็นกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยเงินปันผลที่จ่ายออกมาเป็นเงินที่มาจากกำไรสะสมของกองทุน แต่เมื่อมีการจ่ายปันผลออกมาก็จะทำให้ NAV ลดลงตามไปด้วย เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอจากเงินปันผล หรือ Passive Income ในระหว่างทางที่ลงทุนอยู่ ทั้งนี้ เงินปันผลที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10 แต่ก็สามารถขอคืนได้หากทั้งปีมีรายได้อยู่ในฐานภาษีที่ไม่สูงมาก Class E - ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics) จุดเด่น: เป็นกองทุนที่ต้องซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น ข้อดีคือมักมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นๆ โดยที่บางกองอาจจะไม่มีค่าธรรมเนียมอย่าง Front-end Fee (ค่าธรรมเนียมการขายกองทุน) หรือบางกองไม่มี Management Fee (ค่าธรรมเนียมการจัดการ) เลย เหมาะกับ นักลงทุนที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไป บลจ. หรือโบรกเกอร์ รวมถึงไม่อยากยุ่งยากในการกรอกเอกสารต่างๆ เพื่อซื้อขาย รวมถึงรายการตรวจสอบต่างๆ ก็สามารถทำผ่านแอปหรือทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที Class R - ชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Auto Redemption) จุดเด่น: เป็นกองทุนที่มีการขายหน่วยลงทุนให้อัตโนมัติ ทำให้ผู้ลงทุนได้รับเงินคืนเป็นงวดๆ แต่จำนวนหน่วยลงทุนก็จะลดลง ซึ่งลักษณะคล้ายกับกองทุนจ่ายปันผล แต่ต่างกันตรงเงินที่ได้เป็นเงินจากการขายคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ และเงินจากการขายคืนนี้จะไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเหมือนกับแบบจ่ายปันผล เหมาะกับ: ผู้ลงทุนที่ต้องการได้รับเงินคืนจากกองทุนเป็นงวดๆ คล้ายกับการได้ปันผล แต่ข้อดีคือไม่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย อีกทั้ง กองทุนคลาส Class-R ยังสามารถช่วยในเรื่องของ Rebalance พอร์ตไปในตัวด้วย ชนิดหน่วยลงทุนพิเศษสำหรับกลุ่มเฉพาะ Class P - ชนิดกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) สำหรับหน่วยลงทุนชนิดนี้จะเป็นกองทุนสำหรับนักลงทุนกองทุนส่วนบุคคลเท่านั้น หรือซื้อได้โดยกองทุนส่วนบุคคล จุดเด่น: - มักเป็นกองทุนที่จัดตั้งเฉพาะเพื่อสถาบัน เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญ - มีค่าธรรมเนียมการจัดการต่ำมาก - ไม่มีค่าธรรมเนียมการขายหรือสับเปลี่ยน - ไม่เน้นผลตอบแทนสูงสุด แต่เน้นเสถียรภาพ เหมาะกับ: - นายจ้างที่จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้พนักงาน - ผู้ลงทุนสถาบันที่เน้นลงทุนระยะยาวตามนโยบายการออมเพื่อเกษียณ Class I - ชนิดนักลงทุนสถาบัน (Institutional Investor) สำหรับหน่วยลงทุนชนิดนี้จะเป็นกองทุนสำหรับนักลงทุนสถาบันเท่านั้น นักลงทุนรายย่อยไม่สามารถลงทุนได้ จุดเด่น: - มีค่าธรรมเนียมการจัดการต่ำที่สุดในทุกคลาส - ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า/ออก - มีเงินลงทุนขั้นต่ำค่อนข้างสูง เช่น 1 ล้านบาทขึ้นไป เหมาะกับ: - นักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) - บริษัทประกันชีวิต / บริษัทหลักทรัพย์ / สถาบันการเงิน - นักลงทุนที่ต้องการบริหารต้นทุนค่าธรรมเนียมให้ต่ำ Class X - ชนิดผู้ลงทุนพิเศษ สำหรับผู้ลงทุนพิเศษที่มีคุณสมบัติเฉพาะ ซึ่งมีเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะสมกับกลยุทธ์การลงทุนและความต้องการของนักลงทุนแต่ละกลุ่ม สรุป: การเลือก Share Class ที่เหมาะสม การเลือก Share Class จึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการลงทุนเป็นหลัก อย่างน้อยต้องรู้จักความแตกต่างของกองทุนชนิด A, D และ R เพื่อที่เราจะได้เลือกลงทุนให้ถูก และลดการเสียภาษีโดยไม่จำเป็น คำแนะนำในการเลือก: - หากต้องการสะสมเพื่อเป้าหมายระยะยาว → เลือก Class A - หากต้องการรายได้สม่ำเสมอ → เลือก Class D หรือ Class R - หากต้องการความสะดวกและค่าธรรมเนียมต่ำ → เลือก Class E - หากเป็นนักลงทุนสถาบันหรือรายใหญ่ → เลือก Class I หรือ Class P การเข้าใจความแตกต่างของแต่ละ Share Class จะช่วยให้การลงทุนในกองทุนรวมมีประสิทธิภาพและตรงตามเป้าหมายที่วางไว้มากที่สุด พบกับ โค้ชหนุ่ม และ ทิน โชคกมลกิจ ได้ใน เงินทองของจริง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-8.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital ติดตาม CH7HD News และ TERO Digital ได้ที่ : https://linktr.ee/ch7hdnews_tero #เงินทองของจริง #TERODigital #CH7HDNews
เล่นอัตโนมัติ