โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

Business Today Thai Politics 1 สิงหาคม 2568

Businesstoday

อัพเดต 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 18 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Businesstoday

“บิ๊กเล็ก” เผย กัมพูชา ตอบรับ ประชุม GBC ที่มาเลเซีย 4-7 ส.ค.

พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม จากกรณีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย- กัมพูชา (GBC) ในวันที่ 4 ส.ค.2568 โดยทางกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพ และไทยได้เสนอให้ไปประชุมที่ประเทศมาเลเซียแทนนั้น

ได้คำยืนยันจากผู้ช่วยทูตกัมพูชาว่า ทางกัมพูชาได้ตอบรับแล้ว โดยไทยได้ชี้แจงว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ให้ข่าวจนทำให้คนกัมพูชาเกลียดชังคนไทย เพราะฉะนั้น การที่ทีมงานไทยต้องไปประชุมที่กัมพูชาหลายๆวันอาจเกิดความไม่เรียบร้อยได้ และเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยจึงอยากให้ประชุมที่ประเทศที่ 3 และได้ประสานไปยังมาเลเซีย เพื่อขอใช้สถานที่ในการประชุมครั้งนี้

“ตอนนี้เขา(กัมพูชา) ปลุกปั่นจากการบิดเบือน ทำให้คนกัมพูชาไม่เข้าใจคนไทย เพราะฉะนั้นการที่เราไปประชุมอยู่ท่ามกลางคนกัมพูชา ผมเป็นห่วงทีมงานผม คิดแล้วไม่น่าจะเหมาะสม…การที่ทีมงานเราไปที่นั้นเป็นเวลา 3 วัน เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่และผมเองก็กังวลตั้งแต่ต้นแล้ว และมีหลายท่านแนะนำมาจึงขอเปลี่ยนสถานที่“พลเอกณัฐพล กล่าว

ทั้งนี้ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า จากเดิมจะมีการประชุมวันที่ 4 ส.ค.นี้ ได้มีการขอขยายเวลาประชุม 4-7 ส.ค. เพราะวาระการประชุมที่เตรียมการไว้คงไม่สามารถประชุมในวันเดียวได้ หรือแม้หากประชุมวันที่ 4-7 ส.ค.แล้วยังไม่จบ ก็คงต้องมีการขยายไปประชุมครั้งต่อไป และการประชุมต้องคำนึงผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งถ้าไม่เป็นไปตามที่กำหนดคงต้องมีการพิจารณในการประชุมครั้งต่อไป จนกว่สจะได้ตามที่รัฐบาลมุ่งหมายไว้

ส่วนผู้สังเกตการณ์ยังเป็นจีนกับสหรัฐฯหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า คงไม่ใช่ แต่ต้องหารือกับหน่วยที่เกี่ยวข้องก่อน แต่ในความคิดของตน เป็นการเจรจาทวิภาคี ซึ่งเป็นไปตามกลไกปกติของประเทศ ซึ่งต่างจากการเจรจาหยุดยิงครั้งที่แล้วที่เป็นการไกล่เกลี่ย

อย่างไรก็ตาม พลเอกณัฐพล กล่าวว่า สำหรับเงื่อนไขต่างๆที่จะไปเจรจาไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่า ผลเจรจาที่เกิดขึ้นจะทำให้คนไทยเกิดความพอใจ ซึ่งฝ่ายไทยจะพยายามตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพราะปัจจุบันอยู่ท่ามกลางความคาดหวังและความพอใจของประชาชน

ส่วนกรณีสื่อมาเลเซียกับสื่อกัมพูชา ระบุว่า สวีเดนจะระงับคำขอซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนของไทย พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน

รัฐบาลไทยปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สำเร็จ ที่ 19%

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

โดยอัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐฯ สำเร็จแล้วก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ นายจิรายุ ระบุอีกว่า การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19 % ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง win-win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวความ ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ

รัฐบาลนำคณะทูตและสื่อนานาชาติลงพื้นที่ชายแดน ดูความเสียหาย รพ.

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาล

โดย ศบ.ทก. กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และสำนักนายกรัฐมนตรี และกรมประชาสัมพันธ์ ได้นำคณะเอกอัครราชทูต 3 ประเทศ (บรูไน ญี่ปุ่น เมียนมา) อุปทูต 2 ประเทศ (มาเลเซีย สปป.ลาว) ผู้แทนทางการทูตระดับต่าง ๆ 6 ประเทศ (อินโดนีเซีย สหรัฐฯ สิงคโปร์ จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์) และทูตทหาร รวม 23 ประเทศ (อาทิ จีน มาเลเซีย ปากีสถาน เกาหลีใต้ รัสเซีย สิงคโปร์ อินเดีย แคนาดา ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์) พร้อมสื่อมวลชนไทยและสื่อมวลชนต่างประเทศรวมกันจำนวน150คน

รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย และข้อเท็จจริงเรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้

1)นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
2)พล.ต. นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2
3)พล.ต. วินทัย สุวารี โฆษกกองทัพบก
4)พ.อ. พัฒนา พันธุ์มงคล ผู้แทนกรมข่าวทหารบก
5)ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี บรรยายพ.อ. พัฒนา พันธุ์มงคล ผู้แทนกรมข่าวทหารบก กล่าวสรุปดังนี้

1. ลำดับเหตุการณ์และข้อเท็จจริงฝ่ายกัมพูชาดำเนินการยั่วยุตั้งแต่ต้นปี 2568 ผ่านกิจกรรมทั้งทางทหารและพลเรือน ได้แก่ การพานักท่องเที่ยวร้องเพลงปลุกใจในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม (13 ก.พ.), การเผาศาลาตรีมุข (28 ก.พ.), การดัดแปลงภูมิประเทศแนวชายแดนเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร (มี.ค.–เม.ย.), การเสริมกำลังและยุทโธปกรณ์ประชิดชายแดน (เม.ย.–พ.ค.)

รวมถึงการลักลอบขุดคูติดต่อในเขตไทย และการวางทุ่นระเบิด PMN-2 ทำให้ทหารไทยขาขาด 2 นาย และบาดเจ็บอีกหลายราย ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ ยังมีการส่งมวลชนและทหารในเครื่องแบบ-นอกเครื่องแบบมาจัดกิจกรรมยั่วยุในพื้นที่ปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือน ทำให้เกิดการปะทะกับคนไทยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ฝ่ายไทยจึงใช้มาตรการควบคุมชายแดน โดยการล้อมรั้วลวดหนามเพื่อป้องกันการบุกรุก แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงยกระดับการโจมตี โดยเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 ทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทยก่อนบริเวณปราสาทตาเมือนธม ก่อนจะยกระดับ ความรุนแรง ขยายเป็นการใช้ปืนใหญ่และจรวด BM-21 โจมตีเป้าหมายพลเรือนลึกเข้าไปในประเทศไทย เช่น รพ.พนมดงรัก ปั๊มน้ำมันบ้านผือ ร้านสะดวกซื้อ โรงเรียน และบ้านเรือนในสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี มีผู้บาดเจ็บ 15 ราย เสียชีวิต 36 ราย (รวมเด็ก 1 คน) และต้องอพยพมากกว่า 150,000 คน ฝ่ายไทยจึงตอบโต้ภายใต้หลักการป้องกันตนเอง (ตามArticle 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ) อย่างจำเป็นและได้สัดส่วน โดยมีเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายกัมพูชายิงจากเขตพลเรือนและใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์

2. สถานการณ์ปัจจุบันหลังการเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 68 ฝ่ายกัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงต่อเนื่อง โดยในช่วงหลังเที่ยงคืนได้บุกรุกพื้นที่ 6 จุด ได้แก่ Chong Bok (อุบลราชธานี), Sam Tae, Pha Mor E Daeng, Phu Ma Khua/Khanmar, Phlan Yao (ศรีสะเกษ), และปราสาทตาควาย (สุรินทร์) โดยการละเมิดยังดำเนินต่อถึงวันที่ 30 ก.ค. เวลา 05.10 น. ตามภาพหลักฐาน

ล่าสุด วันที่ 31 ก.ค. 68 พบว่ากัมพูชาเพิ่มกำลังตามแนวชายแดน และใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ล้ำเข้ามาในเขตไทยเพื่อสอดแนม ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงยุทธศาสตร์ที่บ่งชี้ถึงความไม่จริงใจในการเคารพข้อตกลงหยุดยิง

3. การตอบโต้การบิดเบือนข้อมูลของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งได้เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนหลายประเด็น ได้แก่

(1) กล่าวหาว่าไทยรุกรานและละเมิดอธิปไตย ซึ่งไทยยืนยันว่าปฏิบัติตาม Article 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติอย่างเคร่งครัด และมีสิทธิตอบโต้ด้วยความจำเป็นและได้สัดส่วน

(2) กล่าวหาไทยใช้ระเบิดเคมี ซึ่งเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง ไทยไม่มีการใช้หรือครอบครองอาวุธเคมี การอ้างภาพระเบิดเคมี เป็นภาพจากเหตุการณ์ดับไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย ปี 2022

(3) กล่าวหาว่าไทยใช้ F-16 และอาวุธหนักเพื่อโจมตี ซึ่งไม่เป็นความจริง อาวุธทุกชนิดที่ใช้เพื่อการป้องกันตนเองและใช้เฉพาะเป้าหมายทางทหาร

(4) กล่าวหาไทยทิ้งระเบิด MK-84 ใส่บ้านเรือนประชาชน โดย CMAC ของกัมพูชานำเสนอภาพเก่าและอ้างว่าเป็นของไทย ทั้งที่เป็นวัตถุระเบิดเก่าสมัยสงครามเวียดนาม ไทยปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างสิ้นเชิง และขอให้กัมพูชาหยุดเผยแพร่ข้อมูลเท็จ พร้อมเชิญชวนให้ร่วมมือกับไทยและประชาคมโลกเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี

(5) ไทยขอยืนยันว่าเหตุปะทะครั้งนี้เกิดจากการโจมตีก่อนของฝ่ายกัมพูชา โดยใช้อาวุธระยะไกลโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ทั้งที่มีการเจรจาหยุดยิงแล้ว ฝ่ายกัมพูชายังละเมิดข้อตกลงและปล่อยข้อมูลบิดเบือนอย่างเป็นระบบ ไทยขอให้ประชาคมระหว่างประเทศติดตามสถานการณ์อย่างเข้าใจ และร่วมผลักดันให้เกิดการเจรจาแบบทวิภาคี เพื่อแก้ไขปัญหาภายใต้หลักสันติวิธี

ขณะที่ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวยืนยันการลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นการดำเนินการที่เปิดกว้าง โดย คณะทูตประเทศอาเซียน 8 ประเทศ และประเทศที่เป็นพยานการเจรจาหยุดยิง ทูตทหารรวมถึงสื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เพื่อเน้นย้ำถึงความความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไม่ใช่การนำเสนอข้อมูลที่ถูกควบคุมและชี้นำ

ซึ่งไทยให้ความสำคัญกับเสรีภาพของสื่อมวลชน โดยวัตถุประสงค์วันนี้ เพื่อสื่อสารให้ประชาคมโลกได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงในพื้นที่ ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การเจรจาบนหลักการและความถูกต้องและจริงใจ ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาโดยสันติวิธีภายใต้กรอบทวิภาคีได้ในที่สุด รวมทั้งชี้ให้เห็นถึงจุดยืนและการดำเนินการของไทยว่ายืนอยู่บนหลักการกฏหมายระหว่างประเทศ ที่จะให้การเจรจาทวิภาคีอย่างสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา ได้ใช้ความอดกลั้นมาโดยตลอด และการป้องกันตนเองตามแนวทางกฏบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศ

นายรัศม์ยังย้ำว่า ท่ามกลางการนำเสนอข้อมูลที่ขัดแย้งกันระหว่างสองฝ่าย สิ่งหนึ่งที่มีหลักฐานชัดเจน คือ กัมพูชาได้โจมตีโรงพยาบาล โรงเรียน บ้านเรือน ร้านค้า ปั๊มน้ำมันในพื้นที่ชุมชนอย่างหนัก ทำให้สตรี เด็กและประชาชนที่ไม่มีอาวุธต้องสูญเสียชีวิต ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ทหารไทยจำเป็นต้องโต้ตอบเพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตของประชาชนไทย

“พงศ์กวิน’ แจงภาษีทรัมป์ 19% ไม่มีแผนเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำรอบ 3

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน เปิดเผยถึงกรณีสหรัฐอเมริกาภายใต้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้าไทยในอัตรา19% ว่า อัตราภาษีดังกล่าว ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อทั้งภาคแรงงานและผู้ประกอบการไทย

ทั้งนี้ ภาษีอัตรา 19% นั้นป็นแต้มต่อ ที่เสริมศักยภาพของไทยในเวทีการค้าโลก ประเทศไทยยังคงมีความได้เปรียบด้านการผลิตและโครงสร้างแรงงาน เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ได้รับภาษีในอัตราสูงกว่า โดยเฉพาะประเทศที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากตลาดสหรัฐ ยิ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าและภาษีนำเข้า

“ไทยอยู่ในกลุ่มที่ถูกเก็บภาษี 19% เหมือนกัน แต่ศักยภาพเราไม่น้อยหน้าใคร จึงถือเป็นผลบวกที่น่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานในอนาคต”นายพงศ์กวิน กล่าว

เมื่อถามถึงโอกาสในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกครั้งในปีนี้ นายพงศ์กวิน กล่าวว่า ในปีนี้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไปแล้ว 2 ครั้ง หากขึ้นอีกก็เป็นครั้งที่ 3 ผู้ประกอบการคงรับไม่ไหว จึงยังไม่มีการหารือหรือพิจารณาในประเด็นดังกล่าวในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้การปรับขึ้นค่าแรงจำเป็นต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างรายได้แรงงานและภาระของผู้ประกอบการ จึงต้องพิจารณาให้รอบด้าน

โฆษกฯ รัฐบาลชี้ กัมพูชายังปล่อย เฟกนิวส์อย่างหนัก

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าปัจจุบันกลุ่มบุคคลมีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ชอบยุแยงตะแคงรั่ว นำข้อมูลไม่เป็นความจริง เกี่ยวกับเหตุการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา โพสต์ลงบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ มุ่งบิดเบือนและ ดิสเครดิตประเทศไทย

ให้มีภาพลักษณ์ที่เสียหายในสายตาชาวโลก อีกทั้งจงใจสร้างความตื่นตระหนกและสร้างความเข้าใจผิด ๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ของกระทรวงดีอี สแตนด์บายตลอด 24 ชั่วโมง ในการเฝ้าระวังข่าวปลอมที่เกิดขึ้น

นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่า ส่วนการชี้แจ้งต่อเวทีนานาชาติ ในประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้ข้อมูลข่าวสารปลอม กล่าวหาประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ละเมิดข้อตกลงฯ ประเทศไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยที่ผ่านมาประเทศไทยใช้ระเบียบแบบแผนตอบโต้อย่างมีวุฒิภาวะ สอดคล้องข้อตกลงกฎหมายระหว่างประเทศทุกฉบับ เพื่อให้นานาชาติเข้าใจถึงการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชา อย่างไรก็ตามหากกัมพูชายังคงมีการตอบโต้ด้วยข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ ฝ่ายไทยก็ขอสงวนสิทธิ์ในการตอบโต้

“หากประชาชนต้องการติดตามข่าวเหตุการณ์ที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ขอให้ติดตามข่าวทางช่องทางของหน่วยราชการ เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือ และมีความแม่นยำ เช่น เพจศูนย์เฉพาะกิจฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา – Team Thailand เพจกระทรวงการต่างประเทศ เพจไทยคู่ฟ้า เพจกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น”

นอกจากนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการสื่อสาร สัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ต้องเสถียร เพื่อให้การทำงานด้านการสื่อสารของทุกหน่วยเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ซึ่งกระทรวงดีอี ได้ประสานไปยัง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เข้าไปดูแลอำนวยความสะดวกด้านระบบสื่อสารโทรคมนาคมให้กับกองกำลังทหารในพื้นที่ รวมทั้งติดตั้งจุดให้บริการ Free Wi-Fi ในพื้นที่บริเวณศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อให้บริการแก่ประชาชนแล้ว

“รัฐบาลขอยืนยันว่ามีทีมมอนิเตอร์ข่าวโจมตี (Fake News) จากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เป็นชาวเขมร และพยายามเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องอย่างทันที และต้องขอบคุณประชาชนที่ใช้สื่อโซเชียลที่คอยตรวจตราและสอดส่อง แก้ไขข่าวบิดเบือนต่าง ๆ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันแชร์ข้อมูลต่าง ๆ ภาพอินโฟกราฟิกของหน่วยงานรัฐ ไปยังช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของตนด้วย”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Businesstoday

“อมรเทพ” มอง 7 โอกาสไทยหลังปิดดีล ภาษีสหรัฐต่ำเทียบเคียงเพื่อนบ้าน เตือนเร่งสร้างจุดขาย

1 วันที่แล้ว

“ธนิต” ชี้ภาษีสหรัฐฯ 19% ช่วยส่งออกไทย แต่ยังต้องจับตาข้อแลกเปลี่ยน มองดีลนี้ไม่ใช่ Win-Win

1 วันที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม