"จุลพันธ์" ฟุ้ง เชื่อมั่น คำวินิจฉัยศาล รธน. ส่งผลบวก ยัน หาก "นายกฯอิ๊งค์" ถูกสั่ง ยุติทำหน้าที่ ก็ไม่เกิดเดดล็อกทางการเมือง
"จุลพันธ์" ฟุ้ง เชื่อมั่น คำวินิจฉัยศาล รธน. ส่งผลบวก ยัน หาก "นายกฯอิ๊งค์" ถูกสั่ง ยุติทำหน้าที่ ก็ไม่เกิดเดดล็อกทางการเมือง ลั่นคำ พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัย เผย สว.ตัดสินใจ ไม่ยื่นซักฟอก ”นายกฯ อิ๊งค์“ ตามม.153 รธน. ส่วน ”ภท.“ จะขอยื่นซักฟอก ม.151 อยู่ที่จะรวมเสียง สส. ได้ครบ 99 เสียงหรือไม่ ยัน ”รัฐบาล-ครม.“ พร้อมชี้แจงทุกประเด็น
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของพรรค พท.ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องของ 36 สว. กรณีผิดจริยธรรมร้ายแรงของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า ในพรรคไม่มีการพูดคุย หรือเตรียมตั้งรับเรื่องนี้ เพราะมั่นใจ ว่าสิ่งที่นายกฯสนทนากับสมเด็จฯ ฮุน เซ็น ประธานวุฒิสภากัมพูชา ไม่ได้เป็นสิ่งผิดปกติ เพราะกระบวนการพูดคุยระดับประเทศ เป็นเรื่องปกติที่ผู้นำทำกัน วันก่อนนายกฯก็ยกหูคุยกับแอมานุแอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส หารือเดินหน้าพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคมต่างๆ ไม่ได้มีผลร้าย หรือผลเสียต่อประเทศไทย จึงไม่มีอะไรที่เราห่วง และกระบวนการยื่นตรวจสอบถือว่า เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ เราเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของเรา และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร รัฐบาลพร้อมจะน้อมรับผลที่จะเกิดขึ้น เพื่อเดินหน้าประเทศไปได้ในช่วงวิกฤตเช่นนี้
เมื่อถามว่า หากศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จะทำอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้อ่านถึงตรงนั้น แต่หากจริงก็ต้องดำเนินการไปตามที่ศาลสั่ง และหากนายกรัฐมนตรีถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จริง ตัวอย่าง อดีตนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาก็เคยมีให้เห็นแล้ว ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดใดๆ เมื่อถามอีกว่า จะเกิดเหตุเดดล็อกทางการเมืองหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่เกิด ไม่ว่าจะกรณีใดๆ และเข้าใจว่ามีการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ไปแล้ว แต่การโปรดเกล้าฯ ลงมานั้น ถือเป็นพระราชอำนาจโดยเต็ม ซึ่งไม่ว่าจะกรณีใดๆ องค์คณะของ ครม.ยังมีอยู่ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ครบถ้วน ทุกหน่วยงานมีครม.กำกับดูแล จึงไม่มีปัญหาในการปฎิบัติราชการใดๆ ทั้งนี้ ขออย่าเพิ่งสมมติอะไร ขอให้รอฟังอีกแค่หนึ่งวันก็จะทราบแล้ว และกลไกรัฐภายใต้รัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้มีกลไกรองรับไว้ทุกกรณี เช่น หากนายกรัฐมนตรีมีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ ประเทศก็ไม่ได้ติดขัดอะไร การประชุมครม.และการทำงานก็ยังเดินหน้าได้ แต่ตนมีความเชื่อมั่นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นไปในทางบวก
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ สว.เตรียมจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ในส่วนของ สว.เคยมีการหารือเข้ามาจริง ซึ่งนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนวิปคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ไปพูดคุยกับทางสว.แล้ว แต่วันนั้นเรื่องคลิปเสียงสนทนาของนายกรัฐมนตรีและสมเด็จฯ ฮุน เซ็น ยังมีความละเอียดอ่อน สว.จึงตัดสินใจไม่ยื่น ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรนั้น คงมีการตัดสินใจอีกครั้ง ทั้งนี้ การยื่นอภิปรายทั่วไปเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 จะต้องมีการมาหารือกันอีกครั้งในเรื่องกรอบวันเวลา ซึ่งหากตกลงได้ข้อสรุปอย่างไรและมีการยื่นมาอย่างถูกต้อง รัฐบาลก็มีความพร้อมที่จะเข้าไปชี้แจง
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่มีความอ่อนไหวโดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ไทย-กัมพูชาอาจต้องใช้กลไกอื่นของสภาในการพิจารณา เช่น การประชุมลับ ขณะที่การจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและ ครม.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ของพรรคภท.นั้น ได้แจ้งมาแล้ว แต่คงต้องรอดูว่ากระบวนการที่ยื่นมานั้นจะครบถ้วนหรือไม่ และต้องดูเรื่องจังหวะเวลา สัปดาห์นี้จะเปิดประชุมสภาสมัยสามัญต้องดูด้วยว่า มีการเข้าชื่อครบ 99 คนหรือไม่ เข้าใจว่า ยังเข้าชื่อกันไม่ครบ หากเป็นเช่นนี้คงจะไม่ได้อภิปราย อีกทั้งประชาชนอาจจะเข้าใจว่าเพิ่งอภิปรายไม่ไว้วางใจมา จุดประสงค์ของพรรคประชาชน อาจจะไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี โจทย์มันต่างกันเพราะเวลาที่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 นั้น นายกฯจะไม่มีอำนาจในการยุบสภาฯ ต้องรอให้ลงมติเสร็จสิ้นก่อน ถือเป็นสิทธิ์ของแต่ละฝ่ายที่สามารถทำได้และต้องไปพูดคุยกันเอง แต่รัฐบาลยืนยันว่า พร้อมที่จะชี้แจงทุกประเด็น ถือเป็นเรื่องดีจะเป็นเวทีที่รัฐบาลจะได้ชี้แจง ทั้งนี้ เชื่อว่านายกรัฐมนตรีและครม.พร้อมจะชี้แจง แต่ต้องดูว่าภูมิใจไทยจะรวบรวมเสียงได้ครบหรือไม่