ถอดปลั๊ก ช่วยประหยัดไฟจริงหรือ? เผยข้อควรระวังที่ควรรู้
หลายคนมีนิสัย ถอดปลั๊ก เครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน เพื่อหวัง ลดค่าไฟฟ้า แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้แจงว่าการถอดปลั๊กไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมกับทุกเครื่องใช้ไฟฟ้า และถ้าถอดผิดวิธี อาจส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายและต้องเสียค่าใช้จ่ายซ่อมแซมสูงขึ้น แทนที่จะช่วยประหยัดไฟฟ้าได้จริง
รายงานจากสื่อญี่ปุ่น FINANCIAL FIELD อ้างอิงสถิติจากสำนักงานพลังงานและทรัพยากรของญี่ปุ่น ระบุว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดแม้ไม่ได้เปิดใช้งาน แต่ยังคงกินไฟในโหมด “สแตนด์บาย” ซึ่งหากถอดปลั๊กออกจะช่วยลดการใช้ไฟในส่วนนี้ได้บ้าง
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟในโหมดสแตนด์บายสูงสุด ได้แก่
- เครื่องทำน้ำอุ่นแก๊ส (กินไฟประมาณ 19%)
- ทีวี (10%)
- เครื่องปรับอากาศ (8%)
- โทรศัพท์บ้าน (8%)
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เริ่มถอดปลั๊กจากทีวี เพราะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟในโหมดสแตนด์บายสูง หากไม่ได้ดูทีวีหรือไม่อยู่บ้านควรถอดปลั๊กออกเพื่อช่วยลดค่าไฟ นอกจากนี้ คอมพิวเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่กินไฟในโหมดสแตนด์บาย แนะนำให้ปิดเครื่องและถอดปลั๊ก หรือถ้าไม่สะดวกให้เปิดโหมดสลีปเพื่อลดการใช้พลังงาน
ส่วนเครื่องปรับอากาศ หากไม่ใช้ในช่วงฤดูหนาวสามารถถอดปลั๊กได้ แต่เมื่อจะใช้อีกครั้งในฤดูร้อน ควรเสียบปลั๊กล่วงหน้า 4-8 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องทำงานผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าไม่ควรถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด เช่น ตู้เย็นและเครื่องกระจายสัญญาณ Wi-Fi เพราะถ้าถอดปลั๊กจะทำให้ระบบทำงานผิดปกติ หรือตู้เย็นจะทำให้อาหารเสียหาย นอกจากนี้ ไมโครเวฟเมื่อปิดเครื่องแล้วจะไม่กินไฟในโหมดสแตนด์บาย จึงไม่จำเป็นต้องถอดปลั๊กเพื่อประหยัดไฟ
ด้วยคำแนะนำเหล่านี้ ผู้ใช้ควรเลือกถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อป้องกันความเสียหายและประหยัดค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ