พร้อมจบ! ตัวแทนนำ217โฉนด ส่งตำรวจ ปม อดีตรองผบ.ตร. แจ้งจับเมียเก่า
กรณี นายอัครวิชญ์ เนติพงษ์ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเอกชน 2 แห่ง เข้าแจ้งความ สน.บางรัก ดำเนินคดีกับอดีตนายตำรวจยศ “พล.ต.อ.” ตำแหน่ง “รอง ผบ.ตร.” ขณะบวชเป็นพระสงฆ์ ได้เข้าไปในบริษัทและนำสมุดเช็ค เอกสารสำคัญไป มีภาพวงจรปิดเป็นหลักฐาน จึงจะดำเนินคดีในข้อหา บุกรุก ลักทรัพย์ ตำรวจ สน.บางรัก รับแจ้งความ และเตรียมออกหมายเรียกตัวมาสอบสวน ต่อมามีรายงานข่าวว่า ตัวอดีตรอง ผบ.ตร.คนดังกล่าวได้ลาสิกขาออกมาแจ้งความเอาผิดภรรยา กับพวก หลังพบว่าโฉนดที่ดิน 217 แปลง หายไป ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
ด่วนสึกแล้ว! ‘อดีตรอง ผบ.ตร.’ เดือดสลัดผ้าเหลืองบุกโรงพักแจ้งจับ ‘เมีย’ ยักยอกทรัพย์
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา นายอัครวิชญ์ ผู้รับมอบอำนาจ จาก 2 บริษัทคู่กรณี อดีต รอง ผบ.ตร. คนดังกล่าว เดินทางนำเอกสารโฉนดที่ดิน รวม 217 แปลง ส่งมอบให้กับ ร.ต.อ.อภิชาติ ปิ่นวัฒนา รอง สว.(สอบสวน) สน.สมเด็จเจ้าพระยา เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ภายหลังทราบเรื่องที่ อดีตรอง ผบ.ตร. เข้าแจ้งความอดีตภรรยากลับในข้อหายักยอกทรัพย์
โดย นายอัครวิชญ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะที่อดีตรอง ผบ.ตร. บวชเป็นพระ ได้เข้าไปที่บริษัทที่อยู่ภายในอาคาร ย่านสีลม กทม. และบริษัทที่พัฒนนิคม จ.ชลบุรี ได้หยิบเอาเอกสารส่วนตัวของบริษัท ที่เป็นเอกสารสำคัญ เช่น เช็ค, สมุดบัญชีธนาคาร รวมถึงสัญญาซื้อขายเกี่ยวกับที่ดิน และสัญญาโรงไฟฟ้าไปโดยพลการ แม้ว่าขณะนั้นจะมีพนักงานอยู่ แต่พนักงานก็ไม่กล้าจะทำอะไร เนื่องจากรู้ว่าเป็นใคร ส่วนเขาจะเอาเอกสารไปทำอะไรนั้น ตนก็ไม่ทราบ
ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องขึ้น ตนได้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนบริษัทไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางรัก เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา ในข้อหาบุกรุกและลักทรัพย์ แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการในเชิงรุก เพราะอยากให้พูดคุยเจรจาและนำเอกสารมาคืนกัน โดยสาเหตุที่ไปแจ้งความช้า เนื่องจากจะต้องตรวจสอบเอกสารว่าอดีตรอง ผบ.ตร. เอาเอกสารอะไรไปบ้าง หลังเกิดเหตุยังไม่ได้มีการพูดคุยกับอีกฝ่าย ส่วนอดีตภรรยาจะมีการพูดคุยด้วยหรือไม่นั้น ตนก็ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องระหว่างของทั้งคู่
นายอัครวิชญ์ กล่าวอีกว่า ตำแหน่งของอดีตรอง ผบ.ตร. ในบริษัทเป็นผู้ถือหุ้น เนื่องจากเป็นบริษัทมหาชน ใครก็สามารถถือหุ้นได้ แต่อำนาจบริหารอยู่ที่บอร์ดกรรมการ คนอื่นไม่มีสิทธิไปยุ่งเกี่ยวกับเอกสารของบริษัท
เมื่อถามว่าก่อนที่จะหย่าร้างกับภรรยา อดีตรอง ผบ.ตร. เป็นประธานของทั้ง 2 บริษัทนี้จริงหรือไม่ นายอัครวิชญ์ กล่าวว่า เขารับราชการ สามารถทำได้หรือไม่ เนื่องจากตอนที่หย่าร้างกันอยู่ช่วงปี 58 ขณะนั้นตัว อดีตรอง ผบ.ตร. ยังรับราชการตำรวจอยู่ ส่วนรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น ตนก็ไม่ทราบ ส่วนวันนี้ที่มา สน.สมเด็จเจ้าพระยา เนื่องจากทราบว่า อดีตรอง ผบ.ตร. มีการมาแจ้งความเอาผิดกับอดีตภรรยาไว้ ในข้อหายักยอกโฉนดที่ดิน 217 แปลง
โดยโฉนดนี้อยู่ในตู้เซฟภายในบ้าน ซอยเจริญรัช 19 ซึ่งบ้านดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทครอบครัว กุญแจของตู้เซฟก็อยู่กับอดีตรอง ผบ.ตร. ตลอด โดยขณะที่อดีตรอง ผบ.ตร. บวช และบ้านหลังดังกล่าวไม่มีคนอยู่ จึงต้องนำเอกสารทั้งหมดไปเก็บรักษาไว้ ซึ่งอดีต รอง ผบ.ตร. ก็ไม่เคยแจ้งว่าต้องการโฉนด แต่กลับมาแจ้งความ และขอหมายค้นก่อนพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นที่บ้านย่านบางพลี ซึ่งเป็นบ้านลูกน้อง เมื่อวานนี้ แต่ก็ไม่เจอเอกสารเพราะว่าเอกสารกระจัดกระจายอยู่ ขอรังวัดที่กรมที่ดินบ้าง ติดจำนองบ้านบ้าง แต่ตอนนี้สามารถรวบรวมได้แล้วจึงนำเอามาคืนให้ไว้กับร้อยเวรที่รับผิดชอบ ซึ่งโฉนดที่ดินนี้ไม่ใช่ชื่อของอดีตรอง ผบ.ตร. คนเดียว แต่มีชื่อลูกอยู่ด้วย
ทั้งนี้การแจ้งความของอดีตรอง ผบ.ตร. มองว่าก็เป็นสิทธิของเขา อย่างไรก็ตามฝ่ายของตนสามารถเจรจาจบลงได้ หากฝั่งอดีตรอง ผบ.ตร. มีการเข้ามาพูดคุยกันทั้งสองฝ่าย