โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ยานยนต์

Traffy Fondue ต้องรอด! กทม. ควง สวทช. ปั้นระบบป้องกันเจ้าหน้าที่ใช้ AI ตัดต่อภาพหลอกประชาชน?

Manager Online

เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

ผ่าทางรอดกรณีดราม่าภาพตัดต่อในแพลตฟอร์ม Traffy Fondue ของกรุงเทพมหานคร ที่สะท้อนการใช้ AI ในทางที่ผิดของเจ้าหน้าที่รัฐฯ โดยล่าสุด กทม. พยายามแก้ไขเพื่อสร้างความโปร่งใสในระบบดิจิทัลของเมือง ด้วยการเตรียมจับมือกับ สวทช. เพื่อพัฒนาระบบ AI ใหม่ สำหรับตรวจจับภาพปลอมทั้งจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ บนความหวังว่าระบบนี้จะช่วยคัดกรองและระงับภาพที่ถูกตัดต่อได้ทันที เพื่อป้องกันปัญหาลักษณะนี้ในอนาคต

ความน่าสนใจของประเด็นนี้คือ แผนการปั้นระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใหม่ร่วมกับ สวทช. หรือ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ แสดงถึงความพยายามของ กทม. ในการยกระดับความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม Traffy Fondue ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ (smart city) ปิดประตูคาใจของใครที่อาจตั้งคำถามว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ใช้ AI ตัดต่อภาพหลอกประชาชนอีก แล้วประชาชนจะไว้ใจระบบนี้ได้แค่ไหน? เนื่องจากการใช้ AI ในลักษณะนี้นั้นง่ายแสนง่าย และมีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำก็ได้ใครจะรู้

***ตัดต่อภาพ Traffy Fondue

ดราม่าภาพตัดต่อใน Traffy Fondue ถูกพูดถึงในช่วงวันศุกร์ที่ 18 ก.ค. 68 เมื่อเพจ “ฟุตบาทไทยสไตล์” ออกมาแฉกรณีที่เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร หรือ กทม. ใช้ภาพตัดต่อเพื่อปิดเรื่องร้องเรียนในแอป Traffy Fondue

เรื่องนี้เริ่มจากประชาชนร้องเรียนเรื่องรถจักรยานยนต์จอดขวางทางเท้าในซอยจรัญสนิทวงศ์ 77/1 เขตบางพลัด แต่แทนที่เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่แก้ไขจริง กลับใช้ AI ลบภาพรถจักรยานยนต์ทุกคันในภาพออก แล้วส่งภาพตัดต่อกลับไปบอกว่า “แก้ไขเสร็จแล้ว”

ภาพตัดต่อนี้เป็นไวรัลในโซเชียลมีเดียทันที เพราะมันไม่ใช่แค่การหลอกประชาชน แต่ยังสะท้อนปัญหาการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด จนทำลายความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเมือง

Traffy Fondue นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย กทม. เป็นเครื่องมือดิจิทัลที่ให้ประชาชนแจ้งปัญหาในเมือง เช่น ทางเท้าเสีย ขยะล้น หรือรถจอดขวาง แล้วเจ้าหน้าที่จะรับเรื่องไปแก้ไขและรายงานผลกลับมา ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา Traffy Fondue ได้รับการตอบรับดีมาก ช่วยแก้ปัญหาไปแล้วกว่า 1 ล้านเรื่อง และมีอัตราความพึงพอใจสูงถึง 80% ถือเป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในเมือง

แต่กรณีนี้กลับทำให้คนตั้งคำถามว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ใช้ AI ตัดต่อภาพหลอกประชาชน แล้วเราจะไว้ใจระบบนี้ได้แค่ไหน? และที่สำคัญ การใช้ AI ในลักษณะนี้มีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำได้หรือไม่? การตอบสนองของ กทม. จึงออกมาในรูปของการลงโทษและป้องกัน

*** ช่องโหว่ vs โทษหนัก

กทม. ไม่นิ่งนอนใจและออกมาชี้แจงทันทีว่าเจ้าหน้าที่เขตบางพลัดทำผิดจริง โดยใช้ AI ตัดต่อภาพเพื่อปิดเรื่องร้องเรียน ตอนนี้เจ้าหน้าที่คนนั้นถูกลงโทษทางวินัยแล้ว และ กทม. สั่งการให้เขตบางพลัดแก้ไขปัญหารถจอดขวางทางเท้าจริง ๆ พร้อมออกหนังสือเวียนถึงทุกเขตทั่วกรุงเทพฯ ห้ามใช้ภาพปลอมหรือข้อมูลเท็จในการปิดเรื่องร้องเรียนเด็ดขาด ถ้าฝ่าฝืนจะถูกลงโทษหนัก

ในอีกด้าน กทม. ระบุว่าได้จับมือกับ สวทช. เพื่อพัฒนาระบบ AI ใหม่ สำหรับตรวจจับภาพปลอมทั้งจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ ระบบนี้จะช่วยคัดกรองและระงับภาพที่ถูกตัดต่อได้ทันที เพื่อป้องกันปัญหาแบบนี้ในอนาคต

การใช้ AI ลบรถจักรยานยนต์ออกจากภาพ อาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่แท้จริงแล้วได้บั่นทอนความไว้วางใจของประชาชนต่อระบบดิจิทัลของเมือง สิ่งที่เราต้องถามคือ ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงเลือกวิธีนี้? เป็นเพราะแรงกดดันให้ปิดเรื่องร้องเรียนเร็ว ๆ หรือเพราะขาดความเข้าใจในจริยธรรมการใช้เทคโนโลยี?

และที่สำคัญ ระบบ Traffy Fondue เองมีช่องโหว่ตรงไหน ที่ทำให้เจ้าหน้าที่คิดว่าสามารถทำแบบนี้ได้โดยไม่มีใครจับได้? และการที่ กทม. ร่วมมือกับ สวทช. เพื่อพัฒนาระบบตรวจจับภาพปลอม เป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอจริงหรือ?

ไม่ว่าอย่างไร ดราม่าที่เกิดขึ้นย่อมนำไปสู่การขยายผลมากมาย ทั้งโครงการอบรมเจ้าหน้าที่ให้เข้าใจการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม หรือการออกแบบแพลตฟอร์มให้มีการตรวจสอบย้อนกลับที่เข้มงวดกว่านี้ เช่น อาจใช้การตรวจสอบ metadata ของภาพ หรือข้อมูลเวลา timestamp เพื่อยืนยันความถูกต้องของภาพต่อไป เรียกว่าจะมีการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจาก AI เอง

ที่สุดแล้ว กรณีนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกเมืองที่กำลังพัฒนา smart city เนื่องจากเทคโนโลยีอย่าง AI หรือแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ได้มีแค่ด้านดี แต่ต้องมาพร้อมกับการกำกับดูแลและจริยธรรมในการใช้งาน และการที่ กทม. ออกมาขอโทษและขอบคุณเพจ “ฟุตบาทไทยสไตล์” ที่ช่วยเป็นกระบอกเสียง ก็แสดงถึงความพร้อมที่จะรับฟังและแก้ไข ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี

แต่ในระยะยาว ยังต้องดูว่าประชาชนจะยังคงไว้วางใจและกล้าใช้ Traffy Fondue ต่อไปหรือไม่ ทางรอดของ Traffy Fondue จึงขึ้นอยู่กับการบ้านชิ้นใหญ่อย่างการสร้างความโปร่งใส ทั้งการเปิดเผยข้อมูลการแก้ไขปัญหา หรือการให้ประชาชนตรวจสอบสถานะได้แบบเรียลไทม์ ที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการเรียกคืนความเชื่อมั่นต่อไป.

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

“จตุพร”สำรวจ Eataly นิวยอร์ก สั่งต่อยอดใช้เป็นโมเดลเปิดร้านสินค้าไทยในต่างประเทศ

27 นาทีที่แล้ว

“สุนันทา”ถก H Mart ห้างค้าปลีกเอเชียชั้นนำในสหรัฐฯ ดันซื้อสินค้าไทยเพิ่ม

29 นาทีที่แล้ว

เคลียร์สนามทุนระเบิด พบหลายสิบลูก ทหารช่างเก็บหลักฐาน ฟ้องยูเอ็น เพิ่มมาตรการตอบโต้เขมร

31 นาทีที่แล้ว

เผยปมสึก!เศรษฐีนีจับได้"ทิดสฤษดิ์"ซุกน้อย หึงหวงนำเรื่องเล่าคนรอบข้างจนถูกร้องเรียน

49 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความยานยนต์อื่น ๆ

King Long เติมความสุข ให้กลุ่มเปราะบาง

autoinfo.co.th

บีวายดี เสียบแทน โตโยต้า สปอนเซอร์ใหม่ฟุตบอลทีมชาติ-ไทยลีก

ฐานเศรษฐกิจ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ สานต่อแคมเปญ "Welcome Back Stars" ปีที่ 2 มอบสิทธิประกันคุณภาพ High-Voltage Battery ครอบคลุมไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด

สยามรัฐ

ZEEKR 7X คว้ามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาวจาก Euro NCAP

Insight Daily

สร้างชื่อกระหึ่มเวทีโลก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คว้า 4 รางวัลใหญ่

Amarin TV

Mercedes-Benz สานต่อแคมเปญ “Welcome Back Stars” ปีที่ 2 ชวนลูกค้ากลับมารับสิทธิประกันคุณภาพแบตเตอรี่

Insight Daily

BYD ประกาศสนับสนุนฟุตบอลทีมชาติไทย และไทยลีกอย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “BYD ชาร์จพลังบอลไทย”

สยามรัฐ

Ford สนับสนุนการศึกษา

autoinfo.co.th

ข่าวและบทความยอดนิยม

AIS ปักธง 5G กลาง EEC ปลดล็อกอุตฯไทยสู่ยุค 4.0 (Cyber Weekend)

Manager Online

เปิดประวัติ Astronomer บริษัทเทคพันล้าน บัลลังก์สะเทือนเพราะไวรัลในคอนเสิร์ต Coldplay

Manager Online

HMD ชู "ฟีเจอร์โฟน" รับเทรนด์ Social Detox รุกตลาดครึ่งปีหลัง

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...