กนง. ประเมินเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังชะลอตัว จับตานโยบายการค้าโลกและความเสี่ยงภายในประเทศ
#ดอกเบี้ย #กนง #ทันหุ้น – คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยรายงานการประชุมฉบับย่อครั้งที่ 3/2568 โดยระบุว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ขยายตัวดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีปัจจัยหนุนจากภาคการผลิตและการส่งออกสินค้าที่เร่งตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 และปี 2569 มีแนวโน้มชะลอตัวลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนสูงจากนโยบายการค้าโลก ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยภายในประเทศ
กนง. ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2568 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.3 และปี 2569 ที่ร้อยละ 1.7 โดยการขยายตัวที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ส่วนหนึ่งมาจากข้อมูลเศรษฐกิจจริงในไตรมาส 1 และเครื่องชี้เศรษฐกิจในไตรมาส 2 ที่สะท้อนการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดี โดยเฉพาะการเร่งส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ก่อนมาตรการภาษีแบบตอบโต้จะครบกำหนด และการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตต่อเนื่องตามวัฏจักรเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์และ data center การส่งออกที่แข็งแกร่งนี้ส่งผลบวกต่อภาคการผลิตและบริการที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2568 และปี 2569 มีแนวโน้มชะลอลงจากหลายปัจจัย:
การส่งออกสินค้า: จะได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ มากขึ้นหลังจากช่วงการเร่งส่งออกสิ้นสุดลง
การบริโภคภาคเอกชน: มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง โดยเฉพาะในหมวดบริการ เนื่องจากแนวโน้มรายได้และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่แย่ลงเกือบทุกกลุ่มรายได้
ภาคการท่องเที่ยว: จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2568 และ 2569 คาดว่าจะลดลงปีละ 2.5 ล้านคน มาอยู่ที่ 35.0 ล้านคนและ 38.0 ล้านคนตามลำดับ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังต่ำกว่าปี 2567 แม้ว่านักท่องเที่ยวระยะไกลที่มีค่าใช้จ่ายสูงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยพยุงรายรับภาคท่องเที่ยวได้ กนง. บางส่วนกังวลว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจเพิ่มขึ้นได้ยากจากการแข่งขันที่สูงขึ้นและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป
กนง. เน้นย้ำว่า การปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2568 เป็นผลจากการขยายตัวที่ดีกว่าคาดในช่วงครึ่งปีแรกเป็นสำคัญ และไม่ได้สะท้อนสถานการณ์เศรษฐกิจในครึ่งหลังของปีที่จะชะลอตัวลง โดยมองว่าเศรษฐกิจจะยังคงเผชิญความท้าทายในการปรับตัวภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนผ่าน ซึ่งอาจส่งผลต่อศักยภาพเศรษฐกิจไทยในระยะยาว นอกจากนี้ เศรษฐกิจยังถูกกดดันจากปัจจัยอื่นๆ เช่น การแข่งขันจากสินค้านำเข้าราคาถูกที่เพิ่มขึ้น การแข่งขันที่รุนแรงในบางสาขาธุรกิจ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสู่การซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกรายย่อย
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2568 และ 2569 มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.5 และ 0.8 ตามลำดับ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.0 และ 0.9 ตามลำดับ เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเป็นผลมาจากราคาพลังงานและอาหารสด โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบดูไบที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กนง. เห็นว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำนี้ไม่ได้นำไปสู่ภาวะเงินฝืด และการคาดการณ์เงินเฟ้อระยะปานกลางยังคงยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 1-3
ในด้านนโยบายการเงิน กนง. มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปี โดยให้เหตุผลว่านโยบายการเงินปัจจุบันอยู่ในระดับผ่อนคลายเพียงพอที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจ และผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมายังอยู่ในช่วงการส่งผ่านไปยังเศรษฐกิจ กนง. ให้ความสำคัญกับจังหวะเวลาและประสิทธิผลของนโยบายภายใต้ความไม่แน่นอนสูงและข้อจำกัดของขีดความสามารถของนโยบายการเงิน ปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทยคือความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง ซึ่งนโยบายการเงินมีประสิทธิผลจำกัดในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องอาศัยมาตรการที่ตรงจุดและการปรับตัวของธุรกิจควบคู่กันไป
กรรมการ 1 ท่านเห็นควรให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อปี โดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจหลายภาคส่วนยังเปราะบางและคุณภาพสินเชื่อปรับด้อยลง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยและเอื้อต่อการปรับตัวของกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ทั้งนี้ กนง. ประเมินว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง และพร้อมปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับแนวโน้มและความเสี่ยงของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า
..
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้