โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เอกชัยคุกอ่วม ‘อุทธรณ์’พลิก นอนยาว21ปี!

ไทยโพสต์

อัพเดต 6 กันยายน 2568 เวลา 5.41 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำคุก “เอกชัย หงส์กังวาน” อ่วม 21 ปี 4 เดือน มีความผิดตามมาตรา 110 ขัดขวางขบวนเสด็จฯ ปี 2563 ด้านพรรคพวกอีก 4 ราย เจอคุก 16 ปี

เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ก.ย.2568 ที่ห้องพิจารณา 608 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ อ.778/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง หรือฟรานซิส นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ หรือตัน ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง, นายชนาธิป ชัยชะยางกูร และนายภาณุภัทร ไผ่เกาะ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินีฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 ฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ให้เกิดความวุ่นวายตาม มาตรา 215 และกีดขวางการจราจร ที่กลุ่มจำเลยชุมนุมใกล้ขบวนเสด็จพระราชินีเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2563 ซึ่งคดีนี้ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ในวันเกิดเหตุคณะราษฎร 2563 นัดชุมนุมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตั้งแต่ช่วงเช้า ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น. แกนนำของผู้ชุมนุมประกาศว่าจะเดินทางไปล้อมทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นลาออกจากตำแหน่ง รวมถึงร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยวันดังกล่าวตรงกับวันที่พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จไปถวายผ้าพระกฐินที่วัดราชโอรสาราม ในเวลา 17.50 น. โดยมีกำหนดการระบุแจ้งไว้ล่วงหน้า รวมถึงออกประกาศตามช่องทางสื่อต่างๆ มีกลุ่มประชาชนเข้าร่วมรอรับเสด็จตลอดเส้นทาง ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มคณะราษฎรบางส่วนได้เดินมาถึงสะพานชมัยมรุเชฐ พบเห็นตำรวจ และตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ตั้งแถวตลอดแนว เพื่อดูแลผู้ชุมนุมและรักษาสงบเรียบร้อยในบริเวณดังกล่าว ต่อมาพยานได้ยินประกาศจากรถนำขบวนเสด็จขอผ่านทาง แต่จำเลยอ้างว่าบริเวณดังกล่าวมีเสียงประชาชนอื้ออึงจึงไม่ได้ยินเสียงประกาศ เพียงแต่เห็นว่ากลุ่มตำรวจควบคุมฝูงชนเพิ่มจำนวนมากขึ้น มากกว่าผู้ชุมนุมจำเลยจึงคิดว่าจะถูกสลายการชุมนุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่บริเวณดังกล่าวไม่ได้แจ้งให้แกนนำทราบว่าจะมีขบวนเสด็จผ่านมาบริเวณดังกล่าว ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มต่อต้านตำรวจโดยการยืนขวางถนน และมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนนั่งขวางเส้นทางเพื่อไม่ให้สลายการชุมนุมได้โดยง่าย

ต่อมาโจทก์นำคลิปเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุเล็กน้อยแต่มียาวจนจบที่ขบวนเสด็จผ่านไปได้จากหลายมุม หลายคลิปทั้งจากฝั่งตำรวจ สายสืบที่แฝงตัวกลุ่มผู้ชุมนุม ตำรวจจราจรในพื้นที่ มาเป็นหลักฐานต่อศาล และศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยทั้ง 5 มีพฤติกรรมขัดขวางการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ และเมื่อเห็นว่าเป็นขบวนเสด็จแต่ไม่ทราบเป็นพระองค์ใด ก็ชู 3 นิ้ว และตะโกนบอกผู้ชุมนุมคนอื่นว่าเป็นขบวนเสด็จให้ชู 3 นิ้ว จำเลยบางคนได้ตะโกนถ้อยคำไม่เหมาะสม พร้อมร่วมขวางทาง จนขบวนเสด็จต้องหยุดนิ่งเป็นเวลา 10 นาที กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและ คฝ. สามารถผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมพ้นจากทางขบวนเสด็จ โดยหลักฐานรวมทั้งพยานหลายปากแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้ง 5 มีเจตนาแน่ชัดในการขัดขวางขบวนเสด็จ และระหว่างเหตุการณ์ในช่วงนั้นตำรวจควบคุมฝูงชนก็ไม่ได้แสดงการกระทำใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการสลายการชุมนุม เพียงแต่เพิ่มจำนวนคนเพื่อถวายการอารักขา หนึ่งในพยานโจทก์ยังอ้างว่าจำเลยบางคนความสูงมีความสูงมากกว่า 180 เซนติเมตร สามารถมองผ่านตำรวจควบคุมฝูงชนไปเห็นขบวนเสด็จได้ ข้อต่อสู้ของจำเลยทั้ง 5 ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษากลับเป็น จำเลยทั้ง 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 80, 215 วรรคหนึ่ง 385 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 เฉพาะจำเลยที่ 1 และ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรคสามด้วย และจำเลยทั้ง 5 มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 114 วรรคหนึ่ง, 148 วรรคหนึ่ง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้ง 5 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักที่สุดฐานร่วมกันพยายามกระทำประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 วรรคหนึ่ง และ 110 วรรค 2 อันเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 16 ปี แต่เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 หนึ่งในสาม เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 จำนวน 21 ปี 4 เดือน

ต่อมาทนายความของจำเลยทั้ง 5 รายได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งคาดว่าศาลจะพิจารณาในวันจันทร์.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...