สงครามราคาข้าวโลกแข่งดุ ฉุด 7 เดือนไทยส่งออกลดลง 25.09%
วันนี้ (26 ส.ค.2568) นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยในช่วงที่เหลือ ว่า ปีนี้ตลาดการค้าข้าวโลกเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่สูงมาก ซึ่งกรมฯได้เจรจาขยายตลาดและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับคู่ค้าสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปี 2568 กรมฯ จะเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดและเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการผลักดันการส่งออกข้าวไทยตามที่ได้หารือร่วมกับภาคเอกชนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เพื่อช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าว และผลักดันการส่งออกข้าวให้เป็นไปตามที่ได้ประเมินไว้ที่ 7.5 ล้านตัน
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
โดยจะเร่งการเจรจาตกลงซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับรัฐบาลจีนที่ยังเหลือตามสัญญาอีก 280,000 ตัน และขยายตลาดข้าวขาวและข้าวนึ่งไปยังตลาดที่มีความต้องการและมีศักยภาพ เช่น ซาอุดีอาระเบีย และอิรัก การเจรจาขยายตลาดกับญี่ปุ่น รวมถึงการรับรองคณะผู้นำเข้าข้าวฮ่องกงเดินทางเยือนไทยซึ่งเป็นตลาดข้าวหอมมะลิไทย ที่สำคัญเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐาน
นอกจากนี้ กรมฯ มีแนวทางที่จะประชาสัมพันธ์ข้าวไทย ในงานแสดงสินค้านานาชาติให้ครอบคลุมตลาดที่มีศักยภาพ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน เยอรมนี และซาอุดีอาระเบีย และเชื่อมโยงการผลิตและการตลาดผ่านการจัดงาน TRC สัญจร เพื่อถ่ายทอดข้อมูลแนวโน้มตลาดแก่เกษตรกร ช่วยยกระดับการผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาดต่อไป
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวอีกว่า 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค. – ก.ค.) ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 4.30 ล้านตัน ลดลง 25.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณส่งออกอยู่ที่ 5.74 ล้านตัน และมีมูลค่า 86,412.72 ล้านบาท (ประมาณ 2,592 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ลดลง 35.35% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 133,663 ล้านบาท (ประมาณ 3,739 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
สาเหตุจากผลผลิตข้าวโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอินเดียที่กลับมาส่งออกตามปกติและคาดว่ามีผลผลิตกว่า 150 ล้านตัน รวมถึงการลดลงของความต้องการนำเข้าข้าวจากประเทศผู้นำเข้าสำคัญอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ประกอบกับค่าเงินบาทที่ผันผวนและแข็งค่าขึ้นยังเป็นอีกปัจจัยที่กดดันการส่งออกของไทย
ทั้งนี้ แม้ว่าภาพรวมการส่งออกลดลง แต่ไทยยังสามารถขยายตลาดไปยังตลาดจีน สหรัฐอเมริกา และแอฟริกาใต้ รวมทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางและยุโรปได้เพิ่มขึ้น โดยข้าวหอมมะลิไทย ข้าวนึ่ง ข้าวเหนียว และข้าวกล้อง เป็นชนิดข้าวที่มีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ข้าวที่มีปริมาณส่งออกลดลง คือ ข้าวขาว และข้าวหอมไทย ที่มีการแข่งขันสูงทางด้านราคากับผู้ส่งออกสำคัญอย่างเวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน
ส่วนกรณีสหรัฐฯ จัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) อัตรา 19% ตั้งแต่ 1 ส.ค. ข้าวไทยโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทยยังคงมีราคาแข่งขันได้กับข้าวหอมเวียดนามซึ่งถูกเก็บภาษีในอัตรา 20% และจากตัวเลขส่งออกข้าวไทยไปยังสหรัฐฯ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นถึง4.26% จึงคาดว่าการส่งออกข้าวไปสหรัฐฯ จะยังคงมีปริมาณใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 800,000 ตัน
โดยส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิไทยประมาณ 600,000 ตัน ขณะที่การระงับการนำเข้าข้าวเป็นการชั่วคราวของฟิลิปปินส์ 60 วัน ย่อมเป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดการค้าข้าว โดยในปีนี้ไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์ 160,000 ตัน คิดเป็น 3.72% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด
อ่านข่าว:
ธ.ก.ส.เล็งล้างหนี้ ช่วยเกษตรกรสูงวัยหมื่นบัญชี ยอด 4-5 พันล้านบาท
ผู้ส่งออก จี้รัฐดูแลเงินบาท หวั่นกระทบผู้นำเข้า ฉุดแข่งขันข้าวไทย
นบข.เคาะแจกเงินช่วยข้าวนาปี-นาปรัง ไร่ละ 1,000 บาท สูงสุด 10 ไร่