บล.ดาโอ มองแรงกดดันเรื่องการค้าโลกคลายลงแต่ยังต้องระวัง แนะจัดพอร์ตแบบสมดุล
นางสาวธนันต์พร จรรย์โกมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนเรื่องการค้าโลกลดลงอย่างมาก หลังจากที่สหรัฐฯ ออกมาตรการภาษีนำเข้า (Trade Tariff) สำหรับประเทศสำคัญๆในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา บล.ดาโอ ประเมินว่า การปรับขึ้นภาษีการค้าของทรัมป์ในรอบนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตหรือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานโลกค่อนข้างจำกัด อีกทั้งสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะบังคับใช้ภาษีเพิ่มเติมต่อการเลี่ยงภาษีผ่านประเทศที่สาม (Transshipment Tariffs) ในระยะถัดไปด้วย ซึ่งได้สะท้อนว่า "ความเสี่ยงด้านการค้า" ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันหลักในช่วงครึ่งปีแรก กำลังผ่อนคลายลง ซึ่งทำให้นักลงทุนสามารถประเมินทิศทางและผลกระทบของนโยบายเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
ในรายงานล่าสุดเดือนกรกฎาคมของ IMF ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าในปี 68 จะขยายตัว 3.0% (จากเดิม 2.8%) และในปี 69 จะขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.1% (จากเดิม 3.0%) ซึ่งสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนมองหาโอกาสและกระจายการลงทุนในประเทศที่มีพื้นฐานแกร่ง
ดังนั้นเมื่อปัจจัยขับเคลื่อนเปลี่ยน นักลงทุนจึงกลับมาประเมินโอกาสลงทุนโดยให้น้ำหนักต่อปัจจัยพื้นฐาน ระหว่าง "ปัจจัยบวกด้านมหภาค" เช่น นโยบายการเงินและการคลัง กับ "มูลค่าตลาด" มากกว่าปัจจัยเสี่ยงระยะสั้น ซึ่งปัจจุบันตลาดมี "ความแพงไม่เท่ากัน"
บล.ดาโอ มองว่า ตลาดสหรัฐฯ ยังถือว่าระดับราคาของดัชนี S&P500 อยู่ในระดับค่อนข้างแพง (Forward P/E 5Y) เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มใหญ่ (Large-cap) และหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ ที่มีค่า Forward P/E 5Y สูงเกิน 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งสะท้อนว่าตลาดยังคาดหวังการเติบโตที่แข็งแกร่งจากหุ้นกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตามด้วยพื้นฐานของบริษัทเหล่านี้ที่ยังแข็งแกร่งโดยเฉพาะกลุ่ม AI Enabler และ AI Adopter ทำให้มุมมองต่อการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมยังเป็นบวก โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ เช่น MAG7 ที่มีการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ตลาดยุโรปอยู่ในระดับราคาที่ไม่ตึงตัวเมื่อเทียบกับตลาดสหรัฐฯ GDP ของยูโรโซนในไตรมาส 2/68 ขยายตัวเล็กน้อยและดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะทรงตัว ปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากเศรษฐกิจสเปน ฝรั่งเศส และไอร์แลนด์ ที่ฟื้นตัวได้ดี ขณะที่เยอรมนีและอิตาลียังอ่อนแรง ด้านนโยบายการเงินของ ECB ยังมีแนวโน้มผ่อนคลาย ซึ่งจะเป็นแรงหนุนต่อภาคเอกชน
ส่วนตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างจีน (H-Shares) และเวียดนามกลับอยู่ในโซนราคาถูก (Undervalued) หรือซื้อขายกันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว แถมยังมีสัญญาณเชิงบวกจากการที่นักวิเคราะห์เริ่มปรับเพิ่มประมาณการกำไร (Earnings Revisions) อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในแนวโน้มฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทในระยะกลางถึงยาว
ส่วนประเทศอินเดีย ปรับมุมมองลดน้ำหนักการลงทุนจากการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียโดยสหรัฐฯที่สูงถึง 50% ซึ่งอินเดียเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจในประเทศยังมีเสถียรภาพ แต่ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าส่งผลให้การส่งออกและการเติบโตในระยะถัดไปยังคงถูกจำกัด มุมมองจึงถูกปรับลดลง
ด้านราคาน้ำมันดิบ ได้ปรับน้ำหนักจาก Underweight เป็น Neutral ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะกรณีรัสเซียยูเครน และอิหร่านอิสราเอล ทำให้เกิด Supply Risk ในระยะสั้น ส่วนทองคำ แม้มีอุปสงค์จากธนาคารกลางโดยเฉพาะจีน ยังเป็นแรงหนุนหลักต่อราคาทองคำ แต่การไหลกลับของเม็ดเงินลงทุนจาก ETF ของนักลงทุนยังไม่เกิดขึ้น จากสภาวะ Risk On มองว่าทะลุระดับ $3,450 ในระยะสั้นเป็นไปได้ยาก
สำหรับตลาดหุ้นไทย บล.ดาโอ เห็นโอกาสการลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น จากนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาซื้อสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน 2025 จากโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีมากขึ้น ประกอบกับระดับราคาของตลาดไทย (SET Index) ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี บ่งชี้ถึงโอกาสเชิงมูลค่า หากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เริ่มคลี่คลาย
นางสาวธนันต์พร แนะนำว่า แม้ความตึงเครียดทางการค้ายังไม่ยุติลงอย่างสมบูรณ์ จากนโยบายที่อาจกลับไปกลับมาของทรัมป์ แต่ความไม่แน่นอนได้คลี่คลายลงมาก ส่งผลให้นักลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงเชิงโครงสร้างได้ชัดเจนขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นตามประมาณการล่าสุดของ IMF ซึ่งสนับสนุนมุมมองเชิงบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง บล.ดาโอ มองว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ปัจจัยพื้นฐานและระดับ Valuation จะกลับมาเป็นตัวกำหนดทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเฉพาะประเทศ เช่น มาตรการภาษีต่ออินเดีย และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด นักลงทุนจึงควรจัดพอร์ตอย่างสมดุล (Balanced Allocation) โดยเน้นการกระจายความเสี่ยง และเลือกลงทุนตามพื้นฐานที่แข็งแกร่งในแต่ละภูมิภาคเป็นหลัก
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO