ทีมม้า ‘หา-คุม-กด-ส่งบอส’ แฉยุทธวิธีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปรับตัว
เมื่อเร็วๆ นี้มีปฏิบัติการหลายคดีเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เคลื่อนไหวน่าสนใจ เพราะสะท้อนให้เห็นว่าแม้จะเข้มงวดจริงจังทางกฎหมาย แต่ด้วยผลประโยชน์ในขบวนการที่หลอกลวงได้จากประชาชน ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว
"ทีมข่าวอาชญากรรม" ย้อนปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 6 เครือข่ายโดย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. นำทีมสืบสวน บช.น., บก.น.5, บก.น.9 และสน.สุทธิสาร ขยายผลรวบ 6 เครือข่าย ตามที่ศาลอนุมัติหมายจับ 41 หมาย ติดตามจับกุมได้ทั้งหมด 24 ราย เป็นผู้ต้องหาชาวไทย 21 ราย และบอสชาวจีน 3 ราย
กรณีน่าสนใจ อาทิ เคสเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ท่าหิน จ.ลพบุรี ว่าถูกมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการ อ้างว่ามีการคุ้มครองวงเงินฝาก ก่อนหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน ยอด 3.7 แสนบาท จึงสืบสวนพบว่ามีหญิงชาวไทยผู้รับโอน เดินทางไปถอนเงินที่ธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาลาดพร้าว ซอย 10 โดยมีชายไทยอีกคนเป็นผู้ควบคุมและมารับเงินสด
จากนั้นมีการนำเงินไปส่งมอบต่อให้ นายลี เหล่ย และ นายลี ไหไห่ ชาวจีนผู้สั่งการ บริเวณโรงแรมย่านรัชดา จึงเข้าจับกุมตัวได้ทั้งขบวนการรวม 6 ราย ประกอบด้วย ชาวจีน 2 รายเป็นผู้สั่งการ และอีก 4 รายเป็นคนไทยที่แบ่งหน้าที่เป็นผู้ควบคุมจัดหาบัญชีม้าถอนเงิน, บัญชีม้า และคนเปิดห้องพัก ขณะรวมตัวกันอยู่ภายในห้อง จากการสอบปากคำพบได้ค่าจ้างในการจัดหาบัญชีม้าและพาไปกดเงินสดครั้งละ 1,000-2,000 บาท
อีกกรณีเป็นคดีท้องที่ สภ.แม่ริม จ.เชียงราย ผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพใช้กลอุบายหลอกให้เพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ อ้างว่าจะคืนเงินค่าสินค้าที่เสียหาย และให้ทำตามขั้นตอน ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนไป 2 ครั้ง รวม 2.7 ล้านบาท ชุดสืบสวนแกะรอยไปจับกุมหญิงคนไทย ซึ่งเป็นบัญชีม้าแถวแรก ก่อนขยายผลไปรวบตัว นายอู่ ไวหมิง บอสชาวจีน ผู้รับเงินปลายทาง และคนไทยที่ติดต่อชักชวนบัญชีม้าและทำหน้าที่ขับรถให้บอสชาวจีน รวมถึงคนไทยที่ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้า และคนไทยที่ขับรถให้บอสควบหน้าที่คุมถอนเงิน โดยขบวนการดังกล่าวมีผู้ถูกออกหมายจับ รวม 11 ราย (จับได้แล้ว 5 ราย)
พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เผยถึงพฤติการณ์เครือข่ายเหล่านี้ว่า ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ ทั้งวิธีการฟอกเงิน การถอนเงินออก โดยแบ่งหน้าที่ 2 ส่วน คนทำหน้าที่หลอกก็หลอกไป เพื่อให้ได้เงินมา ส่วนบัญชีการฟอกเงินมีหลายวิธีการ หนึ่งในวิธีการที่พบในท้องที่นครบาล มีบอสชาวจีนที่จ้างคนไทยเป็นผู้จัดการบัญชีม้า คอยทำหน้าที่พาบัญชีม้าไปเปิดบัญชี และพาไปถอนเงิน
ต่อมานำเงินที่ได้จากการหลอกลวงต่างๆ เหล่านี้ไปให้บอส ซึ่งอาจมีผู้สั่งการที่เหนือกว่าอีก โดยการนำเงินสดไปแปรสภาพเป็นเงินดิจิทัลส่งออกนอกประเทศ ส่วนบัญชีม้ามักมาจากการประกาศผ่านเฟซบุ๊ก อ้างเหตุจากการปิดด่านชายแดน ไม่สามารถโอนเงินออกได้ ก่อนตกลงจ่ายเงินค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ให้
"แต่ถึงเวลาจริงอาจไม่ได้ค่าตอบแทนตามที่ตกลง และอาจทำให้ต้องถูกออกหมายจับเป็นคนแรก"
พล.ต.ต.โชติวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการตั้งวอร์รูมที่ร่วมกับหลายหน่วยงาน อาทิ กสทช., ธปท., ตำรวจ และองค์กรเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อแก้ไขปัญหา ขณะนี้บัญชีม้ามีรูปแบบเปลี่ยนไปจากเดิมที่นำคนเดินทางออกไปสแกนหน้าที่ต่างประเทศ และถอนเงินสดแถวตะเข็บชายแดน
"แต่ยุคนี้มีการตั้งผู้ควบคุมบัญชีม้า หาบัญชีม้า หลอกว่าจะให้ส่วนแบ่ง 3-5% ยกตัวอย่าง 1 ล้านบาท 3% จะได้ 30,000 บาท แต่สุดท้ายก็ติดคุกเหมือนกันหมด เพราะถูกตั้งข้อหาร้ายแรง ทั้งร่วมกันฉ้อโกงประชาชน อั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น"
ทั้งนี้ อัตราการเกิดคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แม้มีสถานการณ์รบกันชายแดน ตัดสายอินเทอร์เน็ต ตัดสายไฟ ปิดแนวชายแดน แต่อัตราเฉลี่ยของคดีลดลงเพียงไม่นาน ล่าสุดมีคดีเกิดขึ้นวันละกว่าพันเคส มากกว่าสถิติคดีอาญาลัก-วิ่ง-ชิง-ปล้นถึง 2 เท่าตัว
ดังนั้น ย้ำถึงผู้เปิดบัญชีม้า เศษเงินที่ได้มาจากความเดือดร้อนของคนไทยด้วยกัน พฤติกรรมนี้มีอัตราโทษสูงจำคุก 1-10 ปี พร้อมย้ำต้องระวัง ห้ามโอน ถ้าไม่แน่ใจอย่าคุย และของฟรีไม่มีในโลก.
ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน