CGSI อัพเป้าหุ้นไทยสิ้นปี 68 เป็น 1,320 จุด กำไรบจ.ไม่ขี้เหร่ การเมืองผ่อนคลาย
CGSI อัพเป้าหุ้นไทยสิ้นปี 68 เป็น 1,320 จุด หลังปรับเพิ่มประมาณการ EPS ของตลาดปี 68-69 มองสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองดีขึ้น หุ้นเด่น AMATA, BDMS, CPN, ERW, GULF, MINT, MTC, PR9 และ TRUE
วันที่ 25 ส.ค.2568 บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.)ที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯศึกษา มีกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาส 2/68 เติบโต 6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (yoy) แต่ลดลง 7% จากไตรมาสแรก (qoq)
โดยไตรมาส 2/68 กลุ่มที่มีกำไรปกติเติบโตสูงสุด qoq ได้แก่ กลุ่มกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มอาหาร, กลุ่มโทรคมนาคม, กลุ่มขนส่ง และกลุ่มปิโตรเคมี
ส่วนกลุ่มที่มีกำไรปกติเติบโตต่ำสุด qoq คือ กลุ่มน้ำมันและก๊าซ, กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม หากรวมรายการพิเศษ พบว่ากำไรสุทธิของบจ.ที่ศึกษาจะเติบโตสูงถึง 43% yoy และ 26% qoq
ในไตรมาส 2/68 บริษัทที่ศึกษาประมาณ 24% รายงานกำไรสูงกว่าคาด และมีบริษัท 20% ทำกำไรต่ำกว่าคาด ส่วนอีก 56% มีผลประกอบการสอดคล้องกับความคาดหมาย
ทั้งนี้เมื่อเทียบผลประกอบการกับไตรมาส 1/68 พบว่ามีบริษัทที่ทำกำไรสูงกว่าคาด 22%, ต่ำกว่าคาด 16% และสอดคล้องกับประมาณการ 62% โดยกลุ่มที่มีผลประกอบการดีกว่าคาดในไตรมาส 2/68 คือ กลุ่มธนาคาร, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT), กลุ่มขนส่ง และกลุ่มสาธารณูปโภค ส่วนกลุ่มที่ทำกำไรต่ำกว่าคาด คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มโทรคมนาคม (ICT)
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า หลังฤดูการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/68 สิ้นสุดลง จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิของตลาด(EPS) ขึ้น 1.3% เป็น 81.5 บาท ในปี 2568 และ 0.7% เป็น 87.4 บาทในปี 2568 เท่ากับว่าในปัจจุบันฝ่ายวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยจะมี EPS เติบโต 8% yoy ทั้งในปี 2568 และปี 2569 เทียบกับเติบโต 4% yoy ในปี 2567
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ยังคาดว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 จะมีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติม โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งสัญญาณว่า อาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเคยอยู่ที่ระดับ 0.50% ในเดือนพ.ค.2563 -ส.ค.2565 จึงเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีกสองครั้งในปีนี้หรือปรับลงครั้งละ 0.25 % ในการประชุมวันที่ 8 ต.ค. และ 17 ธ.ค.2568 จะส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยลดลงจากปัจจุบัน 1.50% เหลือ 1.00%
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ เชื่อว่า เมื่อสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองดีขึ้น โดยในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าจะมีเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองเกิดขึ้น จะส่งผลให้ดัชนี SET น่าจะปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ธปท.มีแนวโน้มปรับอัตราดอกเบี้ยลงอีก จึงปรับเป้าดัชนี SET สิ้นปี 68 ขึ้นจาก 1,280 จุด (-0.5SD จาก ค่าเฉลี่ย 10 ปี) เป็น 1,320 จุด ซึ่งจะเท่ากับราคาปิดต่อกำไร ( P/E) 15.1 เท่า ในปี 2569 หรือ -0.25SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี
ขณะที่เชื่อว่าภูมิทัศน์ทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้นและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย ส่วนการชุมนุมทางการเมืองครั้งใหญ่และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวรุนแรง อาจทำให้ประมาณการมี downside risk (ความเสี่ยงขาลง)
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์ฯชอบกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค, กลุ่มสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม, กลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มการแพทย์และกลุ่มสาธารณูปโภค
หุ้นเด่น (Top picks) คือ AMATA, BDMS, CPN, ERW, GULF, MINT, MTC, PR9 และ TRUE
ขณะเดียวกันให้ระมัดระวังการลงทุนกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย, กลุ่มธนาคาร, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี