หมอยกเคส ม.5 ทุบครู ปม โรคอารมณ์ระเบิด แนะวิธีสังเกตอาการ
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ จากกรณีนักเรียนลงมือทำร้ายครู เหตุเพราะไม่พอใจที่ได้คะแนน18 เต็ม20 นั้น
เพจ สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าววิเคราะห์ในทางการแพทย์ถึงภาวะที่เกิดการควบคุมอารมณ์ไม่ได้
โดยระบุว่า ข่าวเด็กทุบอาจารย์ รัวหมัดนี่ อีกแล้ว หัวร้อน หรือ ภาวะจิตใจไม่ปกติ? โรคอารมณ์ระเบิด คือ เป็นข่าว อย่างบ่อย โมโหรวดเร็ว เฉียบพลัน แบบไม่มีเหตุจูงใจที่เหมาะสม พออารมณ์สงบมาเสียใจ พูดดี เอาจริง เจอทั้ง ครู นักเรียน สามีภรรยา ด่าทอ โวยวาย เตะซ้อม ต้องรอจนสงบ ก็กลับมาปกติ เจอที่ไหนหลีกให้ไกล ตัว อจ เอง ก็ เจอคนไข้ วิ่งไล่ด่าพยาบาล เหตุแค่เลยคิว
ไม่รู้กรณีนี้ โกรธธรรมดา หรือ เป็น โรคIntermittent Explosive Disorder (IED) หรือ ภาวะควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้จนระเบิดรุนแรง กันแน่
เราอาจเรียก“โรคอารมณ์ระเบิด” ก็ได้ เพราะIED อยู่ในหมวดImpulse-Control Disorders หรือ ความผิดปกติในการควบคุมแรงกระตุ้น ซึ่งหมายถึงอาการที่บุคคลไม่สามารถยับยั้งแรงกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมรุนแรงหรือทำลายได้ แม้รู้ว่าจะเกิดผลเสียตามมา
โรคอารมณ์ระเบิดIED นี่คือ ความผิดปกติทางจิตเวชที่ทำให้คนหนึ่งตอบสนองด้วยความรุนแรงเกินเหตุ เช่น เพื่อนพูดแซวเพียงนิดเดียว แต่กลับตะโกนด่า ต่อย เตะ หรือทำลายข้าวของทันที เหตุการณ์มักเกิดโดยไม่ทันคิด ไม่ได้วางแผน และไม่สามารถหยุดได้แม้รู้ว่ากำลังทำร้ายผู้อื่น
ต่างจากความโกรธปกติที่มักมีขั้นตอน คือ เริ่มไม่พอใจ คิดทบทวน ตัดสินใจว่าจะตอบโต้หรือไม่ และมักหยุดได้ก่อนถึงขั้นรุนแรง ความโกรธแบบIED จะข้ามขั้นคิดไปเลย— ร่างกายเหมือนถูกกดปุ่มระเบิดอารมณ์ ปฏิกิริยาโกรธจึงพุ่งขึ้นสูงสุดในเวลาไม่กี่วินาที
หลังจากนั้น หลายคนที่มีIED กลับรู้สึกเสียใจ อับอาย หรือสำนึกผิด แต่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดซ้ำ เพราะรากของปัญหาอยู่ที่ระบบควบคุมอารมณ์ในสมองทำงานผิดปกติ
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ คิดว่าIED เป็นแค่“นิสัยหัวร้อน” แต่ในความจริงมันไม่ใช่ เพราะIED ต้องรักษา
ลักษณะที่สงสัย อาการของ โรคอารมณ์ระเบิด
• มีการระเบิดอารมณ์รุนแรง เช่น ตะโกน ทำลายข้าวของ หรือทำร้ายคน/สัตว์
• เหตุที่กระตุ้นเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความรุนแรงของการตอบสนอง
• เกิดแบบฉับพลัน ไม่มีการเตรียมการล่วงหน้า
• เกิดซ้ำ ๆ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
• หลังเหตุการณ์ ผู้ป่วยอาจรู้สึกผิด เสียใจ หรืออับอาย
สาเหตุIED ไม่ได้เกิดจากปัจจัยเดียว แต่เป็นผลจากการผสมผสานของหลายด้าน คือ ความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง โดยเฉพาะ เซโรโทนิน(serotonin) ที่ต่ำ หรือ ความผิดปกติของสมองส่วนamygdala (ควบคุมอารมณ์กลัว/โกรธ) และprefrontal cortex (ควบคุมการยับยั้งพฤติกรรม)
อีกอันคือ ปัจจัยทางพันธุกรรม พฤติกรรมก้าวร้าวอาจมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมบางส่วน คืออันนี้จริง เพราะเคยเห็นคนเป็น โรคอารมณ์ระเบิดทั้งครอบครัว คือ โวยวาย ทั้ง รพ แถม ตาม ครอบครัวมาโวยวายอีก พวกนี้ พบจิตแพทย์ครับ อันตราย ทั้งต่อตัวเอง และสังคม"
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : หมอยกเคส ม.5 ทุบครู ปม โรคอารมณ์ระเบิด แนะวิธีสังเกตอาการ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th