ชายแดน 7 จว.ไร้ปะทะ ย้ำทหารลาดตระเวนในเขตไทย เชื่อกัมพูชาละเมิดอธิปไตยวางกับระเบิด
รัฐบาลเผย ชายแดน 7 จังหวัดไร้เหตุปะทะตลอดคืนถึงเช้า ยืนยัน 3 ทหารบาดเจ็บขณะลาดตระเวนในเขตพื้นที่ไทย 100% เชื่อกัมพูชาละเมิดอธิปไตยเข้ามาวางกับระเบิดในช่วงก่อนหยุดยิง ย้ำ เยียวยาไม่ตกหล่น
วันที่ 10 สิงหาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงดึกของคืนที่ผ่านมา (9 สิงหาคม 2568) จนถึงช่วงเช้าวันนี้เวลา 07.00 น. สถานการณ์ตามแนวชายแดน 7 จังหวัดไม่มีเหตุการณ์ปะทะใดๆ
ขณะที่วานนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานจาก ศบ.ทก. ว่ามีทหารออกลาดตระเวนบริเวณพื้นที่รอยต่อโดนเอาน์-กฤษณา เหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ที่ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 ดูแลทหารกล้าที่จะได้รับบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด
“ศบ.ทก ยืนยันว่าพื้นที่ที่ทหารลาดตระเวนนั้นอยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทย 100% ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่ากองทัพกัมพูชาเป็นผู้ละเมิดอธิปไตยเข้ามาวางกับระเบิดในช่วงก่อนการหยุดยิง ทั้งนี้ ได้เตรียมการประท้วงทั้งระดับชายแดนและระดับนานาชาติกรณีที่กัมพูชาใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่อข้อตกลงสนธิสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน”
ขณะเดียวกัน รัฐบาลขอยืนยันว่ามีความพร้อมในการเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ในกรณีผู้เสียชีวิตที่เป็นประชาชนทั่วไปรายละ 8,000,000 บาท และข้าราชการทหาร-ตำรวจ รายละ 10,000,000 บาท ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบในระดับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบาดเจ็บสาหัส บาดเจ็บเล็กน้อย ทุพพลภาพ ก็จะได้รับการเยียวยาโดยไม่มีการตกหล่นอย่างแน่นอน
“นอกจากมาตรการตามมติ ครม. ดังกล่าวแล้ว หน่วยงานราชการต้นสังกัดอย่างกระทรวงกลาโหม จะดูแลครอบครัวญาติพี่น้องของข้าราชการทหารที่เสียชีวิตให้ได้รับสวัสดิการต่างๆ สิทธิการรับราชการเป็นกรณีพิเศษ เพื่อตอบแทนคุณความดีที่ได้เสียสละชีวิตรักษาอธิปไตยของประเทศ”
สำหรับการเยียวยาบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย การลงพื้นที่ของนายภูมิธรรม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดสุรินทร์วานนี้ เป็นการเดินทางลงไปทำงานกับท้องถิ่นโดยตรง เพื่อรับฟังข้อมูล ข้อเสนอแนะ ทั้งจากประชาชน และผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อนำมากำหนดแนวทางการเยียวยา ทั้งในด้านความเสียหายทางการเกษตร ปศุสัตว์ และบ้านเรือนของประชาชน โดยจะรวบรวมกำหนดออกเป็นรายละเอียดในการเยียวยาครั้งที่ 2 ในส่วนทรัพย์สินที่เสียหายเพื่อเสนอต่อ ครม. ต่อไป
คปภ. แจ้งไม่ใช่ภาวะสงคราม บริษัทประกันปฏิเสธการคุ้มครองไม่ได้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้มอบหมาย 7 รัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่พักพิงชั่วคราวทั้งหมด 12 แห่ง 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี เพื่อเร่งรัดมาตรการช่วยเหลือเยียวยา ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (9 สิงหาคม 2568) อาทิ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และวันนี้ (10 สิงหาคม 2568) นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์, นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
สำหรับเรื่องการเยียวยาร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ อำเภอกันทรลักษณ์ ที่ได้รับเสียหายจากผลกระทบการยิงระเบิด BM-21 จากฝั่งกัมพูชานั้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้แจ้งว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ภาวะสงคราม เป็นเหตุการณ์ปะทะตามชายแดนเท่านั้น ดังนั้น บริษัทประกันฯ จะปฏิเสธการคุ้มครองไม่ได้ ต้องรับผิดชอบเยียวยาผู้เสียหายที่ได้ทำประกัน สำหรับประชาชนคนใดที่ได้ทำประกันภัยไว้ ขอให้เร่งตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของตนอีกครั้ง
รัฐบาลกำชับความพร้อม-ความปลอดภัย รองรับประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา
ทางด้าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภารกิจสำคัญของรัฐบาลในขณะนี้คือการดูแลความปลอดภัย และพาประชาชนกลับภูมิลำเนาในพื้นที่ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าปลอดภัย 100% โดยมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จำเป็นต้องย้ายไปเข้าพักพิงที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งอาจเกิดข้อจำกัดและความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะกับกลุ่มเปราะบาง
นายอนุกูล กล่าวต่อไปถึงการเดินทางกลับที่พักอาศัยว่า ในบางพื้นที่อาจเผชิญระดับสถานการณ์ที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น หากประชาชนมีความประสงค์ที่จะเดินทางกลับ กระทรวงสาธารณสุขมีข้อแนะนำในการปฏิบัติตนดังต่อไปนี้
1. ให้ตรวจสอบความพร้อมของบ้านพักหรือที่อยู่อาศัยอย่างละเอียด อาทิ ด้านโครงสร้างบ้าน ผนัง หลังคา และระบบไฟฟ้า
2. ทำความสะอาดสิ่งของภายในบ้านเพื่อลดการสะสมของฝุ่นและเชื้อโรค
3. สังเกตสภาวะทางจิตใจของตนเองและคนในครอบครัว หากรู้สึกว่ามีอาการเครียด วิตกกังวล หรือมีอาการคล้ายซึมเศร้า ควรรีบเข้าปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโดยทันที
4. หมั่นดูแลสุขอนามัยที่ดี
ขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่และดื่มน้ำที่สะอาดอยู่เสมอ รวมทั้งหมั่นดูแลความสะอาดด้านสุขอนามัยของตนเองและครอบครัว นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และเข้าร่วมกิจกรรมยามว่างเพื่อสร้างความผ่อนคลายและลดความเครียด โดยกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดทีมดูแลประชาชนในศูนย์พักพิงเต็มที่ ทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต อนามัยสิ่งแวดล้อม
“การปฏิบัติตามข้อแนะนำของศูนย์พักพิงชั่วคราว เช่น เก็บของใช้ส่วนตัวให้เป็นระเบียบ หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดของสถานที่ และหากรู้สึกตัวว่ามีอาการป่วย มีไข้ ไอ จาม ขอให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง หรือพบว่าคนในครอบครัวมีอาการผิดปกติ ให้พูดคุยหรือขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของตนเองและครอบครัว”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ชายแดน 7 จว.ไร้ปะทะ ย้ำทหารลาดตระเวนในเขตไทย เชื่อกัมพูชาละเมิดอธิปไตยวางกับระเบิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รู้จัก ช่องโดนเอาว์-กฤษณา ฐานยุทธศาสตร์ชายแดนไทย-กัมพูชา ผงะเจอทุ่นระเบิดเพียบ
- แรงงานกัมพูชารู้ตัวแล้ว ถูกหลอกให้กลับประเทศ แห่อพยพลอบกลับไทยช่องธรรมชาติ
- ชายแดน 7 จว.ไร้ปะทะ ย้ำทหารลาดตระเวนในเขตไทย เชื่อกัมพูชาละเมิดอธิปไตยวางกับระเบิด
- "มาริษ" ลงพื้นที่สุรินทร์ เตรียมใช้หลักฐานโจมตีพลเรือนชี้แจงนานาชาติ
- ทหารเหยียบระเบิดอีก ขาซ้ายขาด-บาดเจ็บ 3 นาย ขณะลาดตระเวนที่ชายแดน
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath