“เท้ง ณัฐพงษ์” เล่นใหญ่ ลั่นถ้าภูมิใจไทยเป็นแกนจัดรัฐบาล ปชน.จะเป็นฝ่ายค้าน ฟุ้งย้ายสส.โดนคดี-ร้องศาลรธน.ลงปาร์ตี้ลิสต์ คือการบริหารความเสี่ยง
เมื่อเวลา 15.44 น. วันที่ 19 ธันวาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 ของพรรค เปิดเผยผ่านรายการเปิดปากกับภาคภูมิ สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ในประเด็นคำถามถึงวันโหวตรัฐธรรมนูญวาระ 2 พยายามโทรศัพท์หานายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่ไม่รับและต่อมาเกิดการยุบสภาผู้แทนราษฎร หลังจากวันนั้นมีโอกาสได้คุยกันอีกหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ตอบว่า ไม่ได้คุย แต่ถ้ามีโอกาสพูดคุยกันก็จะได้ถามตอบต่อหน้าสาธารณะ ยินดีที่จะคุยกับนายอนุทิน ทั้งนี้ อยากให้ย้อนไปดูเรื่องที่พูดเรื่องนายกรัฐมนตรียุบสภาฯ จริงๆ ตั้งเงื่อนไขไปค่อนข้างชัด ว่า นายกรัฐมนตรีและพรรคภูมิใจไทยมีตัวเลือกที่จะรักษาสัญญาตาม MOA ถ้ามีความจริงใจในการเดินหน้าตาม MOA ถ้าวันนั้นพรรคภูมิใจไทยเลือกโหวตอยู่กรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างมาก ไม่จำเป็นต้องยุบสภา และใช้เวลาที่เหลืออีก 15 วัน ก่อนวาระ 3 ในการทำงานร่วมกับทุกๆ คน พรรคประชาชนก็พร้อมจะผลักดันไปทำความเข้าใจกับสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่สภาฯ ให้ยอมรับวาระ 3 ให้ได้ แต่ถ้าวันนั้นพรรคภูมิใจไทยยังดึงดันที่จะหักมติวิปรัฐบาลของตัวเอง แล้วไปเลือกตาม กมธ.เสียงข้างน้อย เอาเสียง สว. 1 ใน 3 กลับมา เรายอมรับไม่ได้จริงๆ นี่คือเงื่อนไขที่ตนตั้งในวันนั้น แล้วบอกให้นายกรัฐมนตรีเลือก ถ้ายังเลือกแบบนี้ ไม่ทำตามมติวิป ไม่ทำตามที่เราคุยกันมา ไม่เหลือทางเลือกอื่น เราปล่อยให้รัฐธรรมนูญเดินถึงวาระ 3 ไม่ได้ เหลือช้อยส์(ตัวเลือก)เดียว ก็ต้องเลือกตั้งใหม่ส่วนประเด็นที่ นายอนุทิน เรียกพรรคประชาชนว่า “ฝ่ายค้ำ” นั้น นายณัฐพงษ์ มองว่า เป็นวาทกรรมทางการเมืองที่เขารู้ว่า ถ้าเขาใช้คำนี้ก็อาจจะส่งผลคะแนนความนิยมต่อพรรคประชาชน ก็คุยกันตรงไปตรงมา คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ตอนนี้เราเดินหน้าได้อย่างเดียว ในเมื่อเรียกเราเป็นฝ่ายค้ำ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นจุดชี้ชะตา อยากให้ประชาชนทุกคนที่มีสิทธิในการเลือกตั้ง เลือกดีๆ ในการตัดสินอนาคตประเทศ ดูจากบริบททางการเมืองตอนนี้อาจจะเหลือแค่ 2 ช้อยส์ คือ เสียงที่ออกมาว่ารัฐบาลชุดหน้าจะเป็นที่พรรคประชาชนเป็นแกนนำในการจัดตั้ง หรือรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้ง ซึ่งปัญหาทั้งเรื่องทุนเทา ลองไปดูดีๆ ว่ามีส่วนพัวพันกับพรรคใดบ้าง ปัญหาส่วย ทุจริตคอร์รัปชัน ล้วนมีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับระบบการเมืองบางกลุ่มบางก้อนที่เขาถือครองอำนาจการเมืองในปัจจุบันอยู่หรือไม่ แล้วเราอยากจะปล่อยให้ประเทศเดินหน้าไปแบบนี้ใช่ไหม หรือเราคิดว่ามันทนไม่ไหวแล้ว เป็นสิ่งที่เราต้องรวมพลังกันทุกฝักทุกฝ่ายในการป้องกันไม่ให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ขอบเหว ตกเหวลงไป ทางด้านคำถามว่าพรรคประชาชนจับกับพรรคภูมิใจไทยไม่ได้แน่ๆ ใช่หรือไม่หลังการเลือกตั้ง นายณัฐพงษ์ ตอบว่า “พูดชัดๆ ได้ว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลด้วยจุดยืนแบบที่เป็นอยู่ เราคงเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราเป็นพรรคฝ่ายค้านแน่นอน ผมคงพูดชัดๆ ได้ว่าหน้าที่ของพรรคประชาชนในตอนนี้ก็คือ รณรงค์หาเสียง ทำความเข้าอกเข้าใจกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้พรรคประชาชนได้รับเสียงสนับสนุนมากเพียงพอ ที่เรามีความเข้มแข็งมากพอในการกำกับทิศทางรัฐบาล และป้องกันไม่ให้พรรคอันดับ 2 อันดับ 3 หรืออันดับอื่นๆ ไปรวมตัวจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคอันดับ 1” เมื่อถามย้ำว่าถ้าพรรคประชาชนได้คะแนนเสียงอันดับ 1 จะชวนพรรคภูมิใจเป็นรัฐบาลหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า ดูที่เสียงว่าของเราได้รับการสนับสนุนมากพอ กำกับทิศทางรัฐบาลได้ไหม เราต้องกำกับเขาได้ ส่วนประเด็นคำถามว่าถ้าเข้ามาแบบมีอำนาจต่อรอง มีเงื่อนไข จะไม่ร่วมด้วยใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ตอบชัดๆ ว่า “ถูกต้องครับ” ผู้ดำเนินการรายการถามอีกครั้งว่าไม่คิดจะโทรศัพท์ไปคุยกับนายอนุทิน ใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ตอบว่า “ตั้งแต่วันนั้นที่ติดต่อไปแล้วไม่รับสาย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้มีความพยายามในการติดต่ออีก ไม่ได้คุยกันเลย” ขอบคุณ : รายการเปิดปากกับภาคภูมิ https://www.youtube.com/watch?v=SEisXEilnHE