"ประเสริฐ" ปลื้มผลสำเร็จ! ไทยเจ้าภาพประชุม "GFEAI 202" ตั้ง AIGPC ศูนย์กลางจริยธรรม AI ภูมิภาค
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับโลก ‘The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 (GFEAI 2025)’ ระหว่างวันที่ 24–27 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยมีผู้นำ นักวิชาการและผู้แทนจากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก มากกว่า 1,000 คน ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและออกแบบทิศทางการพัฒนา AI ที่มี ‘จริยธรรม โปร่งใส และยั่งยืน’ พร้อมเปิดฉากเดินหน้าศูนย์ AI Governance Practice Center (AIGPC) ดันไทยสู่ศูนย์กลางจริยธรรม AI ระดับภูมิภาค ภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในพิธีเปิดการประชุม นางสาวแพทองธารได้ประกาศวิสัยทัศน์ ‘AI เพื่อมนุษย์ทุกคน’ โดยเน้นการพัฒนา Human-Centric AI ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต มุ่งเน้นทั้งภาคเกษตร การแพทย์ และการศึกษา รวมถึงรับมือกับภัยคุกคามทางดิจิทัล ผ่านการเสริมสร้างทักษะ Digital Literacy ให้ประชาชน รัฐบาลยังประกาศงบลงทุนด้าน AI รวมกว่า 15.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และตั้งเป้าสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาทภายในปี 2570 พร้อมจัดตั้งศูนย์ AI Governance Practice Center (AIGPC) แห่งแรกในเอเชีย-แปซิฟิค พร้อมร่วมมือกับ UNESCO และเตรียมผลักดันให้เป็น Category 2 Centre อย่างเป็นทางการในอนาคต ซึ่งเป็นการย้ำว่ารัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นขับเคลื่อน AI อย่างมีจริยธรรม ทั้งในเชิงนโยบายและการใช้งานจริง โดยเฉพาะในภาคเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรม และบริการ พร้อมประกาศเป้าหมายการพัฒนาบุคลากรด้าน AI ผู้เชี่ยวชาญ 90,000 คน นักพัฒนา 50,000 คน และเข้าถึงผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคน รวมถึงการผลักดันแผนยุทธศาสตร์ AI แห่งชาติอย่างต่อเนื่อง
ภายในงานยังมีการหารือเชิงลึกถึงแนวทางการจัดตั้งเครือข่ายผู้กำกับดูแล AI ระดับโลก Global Network of AI Supervising Authorities – GNAIS เพื่อร่วมกันพัฒนาหลักปฏิบัติ ที่ยึดหลักสิทธิมนุษยชน ความโปร่งใส ความหลากหลาย และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยประเทศไทยได้รับการยกย่องในฐานะผู้นำระดับภูมิภาค ที่ขับเคลื่อนนโยบายและแนวทางปฏิบัติด้าน AI อย่างรอบด้าน
“เวทีนี้ยังเป็นพื้นที่แห่งความร่วมมือหลากมิติ รวมไปถึงในระดับทวิภาคีระหว่างไทยกับหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ที่ร่วมกำหนดแนวทางจริยธรรม AI และการกำกับดูแลแพลตฟอร์ม การร่วมมือกับมาเลเซีย เพื่อนำไปสู่การแลกเปลี่ยนในด้าน AI เมืองอัจฉริยะและเกมดิจิทัล พร้อมการเตรียมเข้าร่วม ASEAN AI Summit ในระยะต่อไป นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการผนวกความร่วมมือกับผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิจัย และภาคประชาสังคม ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ในประเด็นต่าง ๆ เช่น นวัตกรรม การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ความเป็นธรรมทางเพศและสังคม ระบบนิเวศการลงทุนในเทคโนโลยี AI ที่ปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และยึดหลักจริยธรรม” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า ความสำเร็จที่โดดเด่น คือการผลักดันให้กรอบการประเมินความพร้อมด้าน AI ของยูเนสโก หรือ UNESCO RAM (UNESCO Readiness Assessment Methodology) กลายเป็นเครื่องมือหลักในการยกระดับศักยภาพของภูมิภาคอาเซียน โดยประเทศไทยร่วมกับประเทศในภูมิภาค นำกรอบนี้ไปใช้ในการวางระบบกำกับดูแล AI การส่งเสริม Open Data และ Open Source การพัฒนาทักษะบุคลากร รวมถึงการกำหนดยุทธศาสตร์ AI แห่งชาติที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศ
นอกจากนี้ยังมีการลงนามบันทึกความร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่าง ETDA, NECTEC และ DataDotOrg เพื่อร่วมกันเร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้าน Data & AI ครอบคลุมเป้าหมายกว่า 10,000 คน ภายใน 2 ปี และสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ AI ที่ยั่งยืนในระดับประเทศและภูมิภาค ด้านการศึกษาและเยาวชน เยาวชนไทยกว่า 200 คนได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในงาน โดยเฉพาะประเด็น “AI for Children” ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก จากการเปิดเผยข้อมูลของ UNICEF ว่าเด็กกว่า 60% ในเอเชียตะวันออกเริ่มใช้งาน AI โดยไม่รู้เท่าทันความเสี่ยง ขณะที่ประเทศไทยเดินหน้าเปิดตัวโครงการ ‘Digital Vaccine powered by DQ’ และอีก 2 โครงการหลัก ได้แก่ YDCD และ Digitally Ready เพื่อยกระดับความพร้อมของโรงเรียนไทยสู่การเป็น AI-Ready School ซึ่งเป็นต้นแบบให้ภูมิภาคกว่า 10 ประเทศภายในปี 2569
“การประชุมยังเป็นเวทีสำคัญในการสร้างความร่วมมือระดับทวิภาคี โดยไทยได้หารือกับหลายประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านธรรมาภิบาล AI เมืองอัจฉริยะ และความร่วมมือทางการศึกษาด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะกับอินเดีย ซึ่งเป็น Tech Powerhouse ของกลุ่มประเทศ Global South ไทยและอินเดียได้ร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องมากว่า 2 ปี และกำลังขยายผลในเชิงปฏิบัติ เช่น การเชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เข้าร่วมพัฒนาโครงการในประเทศไทย
“การเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้สะท้อนว่า ประเทศไทยไม่ใช่เพียงผู้ตามเทคโนโลยี หากแต่เป็นผู้กำหนดแนวทางสู่การใช้ AI ที่สอดคล้องกับค่านิยมพื้นฐานของมนุษย์ ทั้งในด้านสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาค และธรรมาภิบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรในภูมิภาค ยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้าน AI (AI Cooperation Hub) แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และวางรากฐานสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่มีจริยธรรมและยั่งยืนในระยะยาว” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า GFEAI 2025 ที่จัดขึ้นนี้ไม่ใช่เพียงเวทีประชุมวิชาการระดับนานาชาติเท่านั้น แต่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนความพร้อมของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านจริยธรรม AI ทั้งในระดับชาติ ภูมิภาค และระดับโลก สู่อนาคตที่โปร่งใส ยั่งยืน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อีกทั้ง ภาพรวมของการเกิดขึ้นของมหกรรม Bangkok AI Week 2025 ยังได้เป็นการรวมตัวของเหล่าผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่สนใจในประเด็นเชิงสังคม การเปิดตัวโครงการที่น่าสนใจของไทยจากภาคประชาสังคม และยังรวมไอเดีย เพื่อจุดประกายให้ผู้ประกอบการไทยได้เกิดแนวคิดที่นอกเหนือจากการเป็นผู้ใช้งานสู่ผู้พัฒนาในระยะต่อไป ยิ่งเป็นการเน้นย้ำถึงการจุดประกายความร่วมมือที่สร้าง ‘จุดเปลี่ยน’ เพื่อนำไปสู่การกำหนดทิศทางของประเทศเพื่อพาไทยสู่อนาคต AI ที่ยั่งยืน-ติดตามความสำเร็จของเวทีระดับโลกได้ที่เพจ ETDA Thailand