“บิ๊กอรรถ” พุ่งเป้าคนต้นโพสต์คลิปเสียง “ฮุนเซน-อิ๊งค์” หากผิดมีขั้นติดตามตัว
ผบช.ไซเบอร์ ยันตำรวจเร่งสอบคลิปเสียง “ฮุนเซน–แพทองธาร” รอผลตรวจสอบพยานหลักฐานชี้ขาดความผิด พุ่งเป้าคนต้นโพสต์ หากผิดตามกฎหมายไทยมั่นใจมีขั้นตอนติดตามตัวแม้อยู่ต่างประเทศ
พล.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีตำรวจไซเบอร์ได้รับเรื่องร้องทุกข์ กรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง สมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานอย่างละเอียด
พล.ต.อ.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 ได้มีการประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้แล้ว หลังจากได้รับพยานหลักฐานจากผู้ร้องทุกข์ โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดตาม กฎหมายไทย หรือไม่ รวมถึงพิจารณาว่าเป็นความผิดที่เกิดขึ้น นอกราชอาณาจักร ซึ่งจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเช่นเดียวกับกรณีคดีอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ โดยยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่สามารถเอาผิดได้หรือไม่ ต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนก่อน หากเข้าข่ายความผิด ก็จะนำเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า คลิปเสียงดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา หรือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือไม่ โดยพนักงานสอบสวนจะต้องพิจารณาร่วมกับพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่ตำรวจรวบรวมไว้
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนเพื่อตรวจสอบ “เจ้าของเพจ” หรือบุคคลที่เป็นต้นทางการเผยแพร่ โดยจะต้องพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายใดหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเป็นความผิดตามกฎหมายไทย จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทันที ย้ำว่าต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าใครเป็นคนโพสต์คนแรก และการโพสต์นั้นมีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดหรือไม่ หากใช่และเป็นบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ จะเข้าสู่กระบวนการติดตามตัวผ่านความร่วมมือระหว่างประเทศเช่นเดียวกับคดีอื่น
สำหรับกรณีมีการส่งต่อคลิปเสียงดังกล่าวไปยังบุคคลอื่นจำนวนมาก เช่น อ้างว่าถูกส่งต่อไปอีก 80 ราย ตำรวจสามารถตรวจสอบเส้นทางการแชร์ข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook ได้ เนื่องจากมีประวัติการใช้งานและหลักฐานดิจิทัลที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ไม่ยาก พร้อมยืนยันว่า ตำรวจไซเบอร์มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และได้สั่งการให้เร่งดำเนินการทุกขั้นตอนตามกรอบเวลาอย่างเคร่งครัด
โดยรอรายงานผลการประชุมจากคณะพนักงานสอบสวนอย่างเป็นทางการ เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินคดี ซึ่งไม่ว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องจะเป็นใคร หากตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายไทย จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอย่างถึงที่สุด แม้ผู้ต้องหาจะอยู่ต่างประเทศมีขั้นตอนกระบวนการติดตามตัวอยู่แล้ว
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เข้าแจ้งความที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินคดีกับสมเด็จฮุนเซนในประเด็นอื่นว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้รวมสำนวนกับคดีของตำรวจไซเบอร์ และยืนยันว่าเป็นคนละคดี ซึ่งไม่สามารถรวมเป็นคดีเดียวกันได้ เพราะเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews