ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : เตรียมตัวรักษาต้อกระจก
บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดนมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ
21 มิถุนายน 2568
การผ่าตัดต้อกระจก ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
“ต้อกระจก” เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะตาบอดทั่วโลก และเป็นปัญหาด้านสายตาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในประเทศไทย
ต้อกระจกเกิดขึ้นเมื่อเลนส์ตาตามธรรมชาติของเราเริ่มขุ่นมัวลง ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน ราวกับมองผ่านกระจกฝ้า แต่ข่าวดีคือ ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน การรักษาต้อกระจกสามารถทำได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก
ต้อกระจกคืออะไร และรักษาอย่างไร ?
ต้อกระจกเกิดจากความเสื่อมของเลนส์ตาตามวัย ซึ่งทำให้เลนส์ที่เคยใสกลายเป็นสีขุ่นมัว ส่งผลให้การมองเห็นพร่ามัวลงเรื่อย ๆ
การรักษาต้อกระจกในปัจจุบันได้พัฒนาไปอย่างมากโดยวิธีการรักษาหลักคือ การนำเลนส์ตาธรรมชาติที่ขุ่นมัวออก แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ ซึ่งจะช่วยคืนการมองเห็นที่ชัดเจนกลับมา
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดต้อกระจก
การเตรียมตัวที่ดีก่อนการผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
- ปรึกษาจักษุแพทย์แต่เนิ่น ๆ : หากเริ่มมีอาการมองเห็นพร่ามัว หรือรู้สึกเหมือนมีหมอกบังตา นี่อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของต้อกระจก ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยการตรวจตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้วางแผนการรักษาได้เหมาะสม และเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูสายตาให้กลับมาเป็นปกติ
- ควบคุมโรคประจำตัว : หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัด การควบคุมโรคประจำตัวจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในระหว่างและหลังการผ่าตัด
- แจ้งเรื่องยาที่ใช้อยู่ : ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาที่คุณรับประทานเป็นประจำทั้งหมด โดยเฉพาะยาละลายลิ่มเลือด หรือยาที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก เพราะแพทย์อาจแนะนำให้หยุดยาก่อนการผ่าตัด เพื่อความปลอดภัย
- เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน : การผ่าตัดต้อกระจกเป็นการผ่าตัดที่ต้องอาศัยความชำนาญของจักษุแพทย์ และต้องทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
- ทำความเข้าใจเรื่องการระงับความรู้สึกและความร่วมมือ : การผ่าตัดต้อกระจกในปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสลบ แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่โดยการฉีดยาบริเวณรอบดวงตา หรือบางกรณีอาจใช้เพียงยาชาชนิดหยอดตาเท่านั้น สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยต้องฝึกการลืมตาให้กว้างและนิ่ง ไม่ขยับศีรษะ เพื่อช่วยให้แพทย์ผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย
การดูแลตนเองหลังผ่าตัด
ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดหลังการผ่าตัดต้อกระจกคือ เดือนแรก เพราะดวงตายังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัว และแผลผ่าตัดอาจยังไม่ปิดสนิท การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสและโดนน้ำ : ห้ามสัมผัสบริเวณที่ผ่าตัด ห้ามขยี้ตา และหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำเข้าตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ใช้ยาหยอดตาตามแพทย์สั่ง : ควรใช้ยาหยอดตาปฏิชีวนะและยาแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ควบคุมโรคประจำตัว : หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี
- มาตรวจตามนัด หลังผ่าตัดประมาณหนึ่งเดือน แพทย์จะนัดเพื่อตรวจเช็กสายตา ซึ่งโดยปกติแล้วการมองเห็นจะดีขึ้นกว่าก่อนที่จะเป็นต้อกระจกอย่างชัดเจน
ไม่ต้องรอให้ “ต้อสุก” : รักษาได้ทันทีที่พร้อม
ในอดีต อาจมีความเชื่อว่าต้องรอให้ต้อกระจก “สุก” ก่อนจึงจะผ่าตัดได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัยขึ้นในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป หากต้อกระจกเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และผู้ป่วยพร้อมที่จะเข้ารับการรักษา แพทย์ก็สามารถวางแผนการผ่าตัดได้ทันที
การรักษาที่เข้าถึงได้
การผ่าตัดต้อกระจกเป็นบริการที่ครอบคลุมภายใต้ระบบประกันสุขภาพต่าง ๆ ในประเทศไทย ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม สิทธิข้าราชการ รวมถึงประกันสุขภาพเอกชน หากจักษุแพทย์แนะนำให้ผ่าตัดต้อกระจก การเตรียมตัวที่ดีทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการผ่าตัด จะช่วยให้คุณกลับมามองเห็นได้ชัดเจนขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์
ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส
ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : เตรียมตัวรักษาต้อกระจก