รายงานพิเศษ : TIDLOR ผลงานฟื้นตัวต่อเนื่อง โบรกเกอร์คาดตัวเลขการเงินแกร่ง ชี้ต้นทุน-NPLลด แถมสินเชื่อโตต่อ
ผลงานบมจ.เงินติดล้อ หรือ TIDLOR ในไตรมาส2 ยังเติบโตต่อเนื่อง สินเชื่อขยายตัวได้ดีจากการเปิดสาขา ขณะที่หนี้NPL และต้นทุนทางการเงินปรับลดลง โบรกเกอร์ยังแนะนำเข้าลงทุน
บล.ทรีนีตี้ วิเคราะห์หุ้น บมจ.เงินติดล้อ บริษัทในกลุ่ม Tidlor Holdings หรือ TIDLOR โดยระบุว่า 1) พอร์ตสินเชื่อ (Net Loan) ในไตรมาส 2/68 คาดว่าจะอยู่ที่ 102,946 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากปีก่อน 3.0% จากไตรมาสก่อน ซึ่งมาจากการขยายตัวในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ รวมทั้งมีการเปิดสาขาเพิ่มจาก 1Q25 จำนวน 31 สาขา รวมสาขาทั้งหมด 1,832 สาขา
2) NIM คาดว่าจะอยู่ที่ 13.18% จาก 13.00% ในไตรมาส 1/68 เพิ่มขึ้น 18 bps จาก จาก Yield ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากเงินให้สินเชื่อที่ดีขึ้นจากจํานวนวันที่เพิ่มขึ้น
3) Cost to income คาดว่าจะอยู่ที่ 54.00 % จาก 54.24% ลดลง 24 bps จากผลขาดทุนรถยึดที่ปรับตัวดีขึ้น 4) NPL คาดว่าจะอยู่ที่ 1.76% จาก 1.78% ใน 1Q25 ลดลง 2 bps โดยยังอยู่ในกรอบของ guidance ที่ไม่เกิน 2%
5) Credit cost คาดว่าจะอยู่ที่ 2.95% ลดลง 1 bps จากไตรมาส 1/68 โดยลดลงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นและขาดทุนรถยึดที่ลดลง 6) Coverage ratio คาดว่าจะอยู่ที่ 258% เพิ่มขึ้นจาก 256% ในไตรมาส 1/68 และ 227% ในไตรมาส 2/67
บล.ทรีนีตี้ยังคาดแนวโน้มกำไรปี 68 เติบโตได้ราว 11.0% จากปีก่อน ภายใต้สมมติฐานสินเชื่อเติบโต 15% จากปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้คาดทรงตัวจากปี 67 โดยกำไรรวม 2 ไตรมาส คิดเป็น 53.7% ของประมาณการทั้งปี ด้วยประมาณการดังกล่าว จึงให้ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 19.00 บาท (อิง PBV ที่ 1.6 เท่า ตาม Gordon Growth Model) ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside จึง แนะนำ “ซื้อ”
สำหรับด้านความเสี่ยง: มาจากการแข่งขันด้านสินเชื่อที่สูงมากขึ้นและเศรษฐกิจไทยที่ยังคงชะลอตัวอาจส่งผล กระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ รวมถึงมาตรการต่างๆ ของภาครัฐบาล
ขณะที่บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิของ TIDLOR อยู่ที่ไตรมาส 2/68 ที่ 1.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% จากปีก่อน (+2.6% จากไตรมาสก่อน) ผลจาก Credit cost ที่ลดลงเหลือ 2.9% เมื่อเทียบกับ 3.6% งวดเดียวกันปีก่อน ที่ 3.0%) ตามคุณภาพสินทรัพย์ ด้านกำไรก่อนสํารอง (PPOP) ราว 2.3 พันล้านบาท (+1.5% จากไตรมาสก่อน +2.4% จากปีก่อน) เพราะรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NI) เติบโต 3.9% จากปีก่อน (+2.5% QoQ) เป็นไปในทิศทางเดียวกับสินเชื่อ ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non - NII) สูงขึ้น 6% จากปีก่อน (-3% จากไตรมาสก่อน ตามฤดูกาล) จากค่าธรรมเนียมกลุ่มประกัน
คุณภาพสินทรัพย์ ยังอยู่ในการบริหารจัดการ ทั้งนโยบายสินเชื่อเข้มงวดและการตาม เก็บหนี้ยังทําได้ดีต่อเนื่อง โดยคาดระดับ NPL อยู่ที่ 1.8% (Q2/67 ที่ 1.9%, 1068 ที่ 1.8%) และ Coverage ratio ยืนสูงราว 258% (Q2/67 ที่ 227%, Q1/68 ที่ 256%)
ประเมินใหม่ที่ 19 บาท (จาก 19.4 บาท) แนะนํา Outperform คุณภาพสินทรัพย์อยู่ใน เกณฑ์ดี ทําให้มองว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ยามดอกเบี้ยนโยบายมีทิศทางปรับลดลง ด้าน Forward PER ซื้อขายที่ 10 เท่า ไม่แพงเมื่อเทียบกับแนวโน้มการขยายตัวของกำไรฯ ประกอบกับหลังปรับเป็น Holding คาดเปิดทางการจ่ายปันผลรูปเงินสดมากขึ้น