โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เอเซีย พลัส ชี้ตราสารหนี้ไทย Yield ต่ำแต่ยังน่าลงทุน แนะ Selective Buy พร้อมเปิดมุมมองหุ้นนอก

Manager Online

เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

บล.เอเซีย พลัส (ASPS) ระบุว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน แม้ภาวะอัตราผลตอบแทน (Yield) โดยเฉพาะในฝั่งพันธบัตรอายุยาวจะปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 3.00% แต่ยังมีแนวโน้มลดลงต่อ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปี

นางสาวลัพธ์พร ปานะกุล ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ตลาดรอง ASPS ระบุว่า "แม้ผลตอบแทนจะลดต่ำลงต่อเนื่อง นักลงทุนยังคงเข้าซื้อตราสารหนี้ไทยอย่างคึกคัก โดยมีแนวโน้มลงทุนแบบ Selective Buy มากขึ้น โดยเน้นตราสารที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่า BBB และอายุไม่เกิน 2 ปี ขณะที่ Perpetual Bonds ของบริษัทชั้นนำซึ่งให้ผลตอบแทน 3.00-4.00% ยังคงเป็นที่ต้องการสูง เมื่อเทียบกับตราสารหนี้ส่วนใหญ่ในตลาดที่ให้ Yield ต่ำกว่า 3.00%"

ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 2/68 ตลาดตราสารหนี้ไทยมีมูลค่าคงค้างรวม 17.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% จากปีก่อน โดยเป็นการเติบโตของพันธบัตรภาครัฐ ในขณะที่มูลค่าคงค้างของตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวปรับลดลง (-19.3%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น: Investment Grade ลดลง (-19.7%) และ High yield (-13.2%) ที่มีมูลค่าการออกลดลงมาอยู่ที่ 372,697 ล้านบาท และ 26,123 ล้านบาท ตามลำดับ

มูลค่าตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวครบกำหนดช่วงครึ่งปีหลังนี้ 414,810 ล้านบาท โดยจะครบในช่วงไตรมาสสาม 194,385 ล้านบาท และ ในช่วงไตรมาสสุดท้าย 220,424 ล้านบาท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังครองอันดับหนึ่งของการมีมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวสูงสุด คือ กลุ่มพลังงาน (ENER)

5 อันดับแรกของกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวสูงสุดยังคงเป็นกลุ่มเดิม คือ กลุ่มพลังงาน (ENER) กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ (FIN) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (PROP) กลุ่มพาณิชย์ (COMM) และ กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) โดย 5 กลุ่มนี้มียอดคงค้างประมาณเดิมอยู่ที่ 61% ของมูลค่ารวมทั้งตลาด แต่ถ้ามองในมุมของอันดับเครดิตแล้ว หุ้นกู้กลุ่มอันดับเครดิต A ยังคงมีมูลค่าคงค้างสูงสุด แต่ถ้ามองทุกอันดับเครดิตรวมกันกว่า 94% เป็นหุ้นกู้กลุ่ม Investment Grade (BBB-) ขึ้นไป

แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตร ตลาดคาดการณ์ว่า แบงก์ชาติมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% ลงมาอยู่ที่ 1.50% หรือต่ำกว่า เพราะศักยภาพที่มีเพียงพอรองรับการปรับลงได้อีก ประเมินจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเคยต่ำสุดที่ 0.5% ช่วงปี 65 อีกทั้งตอนนี้อัตราดอกเบี้ยแท้จริง (real interest rate) ของไทยอยู่ที่ +2.00% ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่า

"โดยปกติแล้วตลาดจะมีการเคลื่อนไหวเพื่อรองรับการคาดการณ์ล่วงหน้า สังเกตได้จากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุไม่เกิน 15 ปี ตอนนี้ลงมาต่ำกว่า 1.75% ตลาดคาดว่าแบงก์ชาติจะลดดอกเบี้ยลงในการประชุม 1-2 ครั้งที่เหลือจากทั้งหมด 3 ครั้งในปีนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะปรับลงเป็นครั้งที่สองในการประชุมเดือนสิงหาคม"

ทั้งนี้ เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลงมาเรื่อยๆ ซึ่งถ้านับจุดเริ่มต้นสิ้นปีที่แล้ว อัตราพันธบัตรอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับลง 53-54 bps มาอยู่ที่ประมาณ 1.43% ส่วนอายุมากกว่า 1 ปี ปรับลงไม่ต่ำกว่า 65 bps จาก ณ สิ้นปีที่ยังเห็นอัตราผลตอบแทนสำหรับตัวยาวเกิน 36 ปี ไม่ต่ำกว่า 3.00% มา ณ ตอนนี้ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่อายุยาวที่สุด 46 ปี (LB726A) ยังลงมาต่ำกว่า 2.30%

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลัง คือ เลือกซื้อตราสารหนี้อายุกลางๆ ไว้ทำกำไรระยะสั้น แต่ก็ยินดีถ้าจะต้องถือยาว เนื่องจาก ปัจจัยเสี่ยงที่มีนัยสำคัญจากทั้งภายในและภายนอก อย่างภัยพิบัติทางธรรมชาติ หนี้เสีย ภาวะเศรษฐกิจที่โตต่ำ และจะถูกซ้ำเติมจากสงครามการค้าที่สหรัฐอเมริกาได้ประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับไทยในอัตรา 36% จึงกดดัน yield ให้ทรงตัวในระดับต่ำจนถึงลงไปได้อีกตามการคาดการณ์การปรับตัวลงของดอกเบี้ยนโยบายที่มีความเป็นไปได้ที่จะถูกปรับลงอีกอย่างน้อย 25 bps ไปอยู่ที่ต่ำกว่า 1.50%

แต่อย่างไรก็ตามก็ควรจะเตรียมพร้อมสำหรับกรณีตลาดพร้อมดีดตัวกลับเมื่อเห็นสัญญาณ bottom out ของภาวะดอกเบี้ย ซึ่งคงยังไม่เห็นในเร็ววันนี้ จึงแนะนำให้ selective buy ตามวัตถุประสงค์การลงทุน ถ้าเพื่อ trading แนะซื้อตราสารหนี้ภาครัฐ แต่ถ้าวัตถุประสงค์ Buy and Hold แนะให้ซื้อ Perpetual bonds หรือ หุ้นกู้ที่อันดับเครดิตไม่ต่ำกว่า BBB หรือหุ้นกู้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวพันกับปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิต อย่างเช่น อาหารและเครื่องดื่ม (Food), การแพทย์ (Helth), ธุรกิจการเกษตร (Agri) เป็นต้น "แม้ตลาดตราสารหนี้จะดูซึมตัว แต่ก็ยังมีโอกาสทำกำไรได้จากการลงทุนอย่างมีชั้นเชิงและมีเป้าหมายที่ชัดเจน

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ ASPS ประเมินว่าครึ่งปีหลัง เริ่มมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น จากที่ครึ่งปีแรกเผชิญแรงกดดันจากนโยบายการเงินตึงตัวและความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะนโยบายภาษีการค้า แต่การส่งสัญญาณที่ "ผ่อนปรนมากขึ้น"จากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ช่วยคลายความกังวลของตลาด พร้อมหนุนให้นักลงทุนหันไปให้ความสำคัญกับ "ผลกระทบที่แท้จริง" ต่อธุรกิจ เช่น ต้นทุนและพฤติกรรมผู้บริโภค ที่จะมีผลต่อกำไรในระยะต่อไป

ตลาดสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากการบริโภค-บริการ หนุนแนวโน้ม EPS S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่ ในด้านเศรษฐกิจ แม้ประเด็นภาษียังเป็นแรงกดดัน แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเดินหน้าขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากภาคการบริโภคและภาคบริการ Bloomberg จึงปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ของดัชนี S&P 500 ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ และลดโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ เหลือเพียง 35% ในเดือนกรกฎาคม จากระดับ 45% เมื่อเดือนเมษายน

ASPS มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังโดดเด่นจากการเป็นศูนย์กลางของบริษัทนวัตกรรมระดับโลก โดยเฉพาะกลุ่ม Big Tech ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสร้างโอกาสการเติบโตตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ส่งผลให้ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของนักลงทุนสถาบันทั่วโลก

ประเมิน Upside ของ S&P 500 ยังเปิดกว้าง หากสหรัฐฯ เดินหน้าลดดอกเบี้ยและผ่านงบใหม่ แม้ Forward P/E ของ S&P 500 อยู่ที่ระดับสูงราว 22.3 เท่า (ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปี แต่ Bloomberg Consensus ยังคงให้เป้าหมายสิ้นปีที่ 6,732 จุด คิดเป็น Upside ประมาณ 7.8% โดยได้แรงหนุนจากทั้ง Big Tech และกลุ่มหุ้นที่เคยเป็น "Laggard" ซึ่งอาจฟื้นตัวตามแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศ หากสหรัฐฯ สามารถลดอัตราดอกเบี้ย และผลักดันงบประมาณชุดใหม่ผ่านสภาได้ ก็จะเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อการทำจุดสูงสุดใหม่ของตลาด

ปัจจัยเสี่ยงยังต้องติดตาม เป็นปัจจัยที่อาจสร้างความผันผวนให้ตลาดในระยะสั้นหลายประเด็น เช่น ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่อาจต่ำกว่าคาดการณ์, การชะลอตัวของการบริโภคและการจ้างงาน, นโยบายใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ, การเปลี่ยนแปลงในท่าทีของธนาคารกลาง และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งยังส่งผลต่อกระแสเงินทุนและราคาสินทรัพย์ทั่วโลก

กลยุทธ์แนะนำ: ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี ควบคู่กระจายพอร์ตสู่สินทรัพย์ปลอดภัย ASPS แนะนำให้นักลงทุนใช้จังหวะ "แรงขาย" เป็นโอกาสในการ "ทยอยสะสม" หุ้น โดยเน้นกลุ่มบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและมีความมั่นคงในเชิงโครงสร้าง เช่น กลุ่ม Big Tech และ AI Supply Chain และ กลุ่ม Financials, Travel, และ Defense

ควรเสริมพอร์ตด้วยหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ เช่น Consumer Staples และ Health Care เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในช่วงตลาดผันผวน พร้อมทั้งเปิดรับโอกาสการลงทุนในตลาดต่างประเทศที่ยังมีศักยภาพในระยะกลาง เช่น ยุโรป, จีน, ฮ่องกง, และ เวียดนาม

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงในระยะสั้น ASPS ยังแนะนำให้จัดสรรพอร์ตบางส่วนไว้ใน สินทรัพย์ปลอดภัย อย่าง ตราสารหนี้รัฐบาล และ ทองคำ ซึ่งช่วยเสริม Buffer และลดแรงกระเพื่อมของพอร์ตในช่วงที่ตลาดยังไม่เข้าสู่จุดมั่นคง

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

ประท้วง! นักเรียนเรียกร้องความยุติธรรม หลังเครื่องบินฝึกกองทัพบังกลาเทศตกใส่โรงเรียน ตายอย่างน้อย31คน ส่วนใหญ่เป็น นร.

24 นาทีที่แล้ว

สหรัฐฯส่ง “อาวุธนิวเคลียร์” ไปประจำใน “อังกฤษ” เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปีหลังสงครามยูเครนระอุ “โดรนรัสเซีย” โจมตีลึกถึงสถานีรถไฟใต้ดินกลางกรุงเคียฟ “เยอรมัน” คว้ามิสไซล์แพททริออตจากคลังแสงกองทัพรีบส่งให้ "เซเลนสกี"

27 นาทีที่แล้ว

Broker ranking 22 Jul 2025

58 นาทีที่แล้ว

โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสิทธิประโยชน์ เปิดตัวบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

Broker ranking 22 Jul 2025

Manager Online

โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสิทธิประโยชน์ เปิดตัวบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน

Manager Online

“วอลล์สตรีท-KTC” เจาะ 3.5 ล้านบัญชี รุกแฟรนไชส์รับตลาดEdTech 7 พันล.

Manager Online

เผยเทรนด์มูเตลู ที่พึ่งคนไทย ยุควิกฤต “ศก.-สังคม”

Manager Online

CIMB Group ขับเคลื่อนพันธกิจ ‘Advancing Customers and Society’ เชื่อ ASEAN มีศักยภาพ

Manager Online

ศุลกากรจับใหญ่ สุรชาติ นำแถลงจับสินค้าผิดกฎหมายกว่า 88 ล้าน

เดลินิวส์

“แค๊ปสโตน แอสเสท” บนเส้นทางสู่เบอร์หนึ่งอสังหาฯ กลุ่มไลฟ์สไตล์และฮอสพิทัลลิตี้

Manager Online

“AIS SIAM” แลนด์มาร์กใหม่ ใจกลางสยาม หนุน Gen C ปล่อยพลังสร้างสรรค์

PostToday

ข่าวและบทความยอดนิยม

เอเซียพลัส ให้เป้า SET ปีนี้ 1376 จุด ลุ้นลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง หนุนหุ้นไทยฟื้นครึ่งปีหลัง

Manager Online

หุ้นปิดร่วง 16 จุด เจอขายทำกำไรหลังขึ้นมามากแต่พื้นฐานยังเปราะบางพรุ่งนี้ลุ้นโอกาสฟื้น

Manager Online

บิทคับ พอร์ทอล พร้อมเปิดโลกการระดมทุนรูปแบบใหม่สู่ยุคของ Tokenization และ ICO

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...