อัปเดต พายุโซนร้อนวิภา กระทบไทย ฝนถล่มหลายจังหวัด เสี่ยงน้ำท่วม
พายุโซนร้อนวิภาเคลื่อนใกล้เวียดนาม ไทยเตรียมรับฝนหนักหลายวัน
ขณะที่ฤดูฝนเข้าสู่ช่วงวิกฤตของปี สายตาของนักพยากรณ์อากาศและหน่วยงานด้านภัยพิบัติกำลังจับจ้องการเคลื่อนไหวของพายุโซนร้อนกำลังแรงลูกใหม่ที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในทะเลจีนใต้ตอนบน “วิภา” คือชื่อของพายุลูกนี้ ซึ่งขณะนี้กำลังเคลื่อนเข้าใกล้ฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และมีแนวโน้มสูงว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย
จากรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา ณ เวลา 04.00 น. ของวันที่ 20 กรกฎาคม พายุโซนร้อนวิภามีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 21.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 115.8 องศาตะวันออก โดยอยู่ห่างจากเมืองจ้านเจียงของจีนประมาณ 560 กิโลเมตร ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางอยู่ที่ประมาณ 93 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกค่อนเหนือด้วยความเร็ว 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ยในช่วงวันที่ 21–22 กรกฎาคม ก่อนจะขึ้นฝั่งเวียดนามและอ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง
ฝนตกหนักขยายวงกว้างจากเหนือลงใต้
แม้พายุจะยังไม่ขึ้นฝั่ง แต่ผลกระทบเริ่มแผ่ขยายเข้ามาในหลายจังหวัดของไทยตั้งแต่เช้าของวันที่ 20 กรกฎาคม โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่ใกล้เส้นทางพายุโดยตรง หลายพื้นที่ต้องเผชิญกับฝนตกต่อเนื่องทั้งวัน และยังมีแนวโน้มว่าปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้นตลอดช่วงวันที่ 21–24 กรกฎาคม
จังหวัดที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมากมีทั้งภาคเหนือ เช่น เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ ขณะที่ภาคอีสานก็ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่หนองคายไปจนถึงอุบลราชธานี ภาคกลางอย่างลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี ไปจนถึงพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกอย่างจันทบุรีและตราด ต่างก็มีรายชื่อติดอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังจากกรมอุตุฯ
เสริมแรงโดยมรสุม คลื่นลมแรงซ้ำเติม
สิ่งที่ทำให้สถานการณ์วิภากลายเป็นเรื่องที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือการเสริมแรงจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พาดผ่านทะเลอันดามัน อ่าวไทย และภาคใต้ของประเทศ มรสุมลูกนี้ไม่เพียงเร่งให้พายุเคลื่อนตัวเร็วขึ้น แต่ยังเป็นตัวกระตุ้นให้ฝนตกหนักต่อเนื่องในภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันตกของไทย
คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนถูกคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 2–4 เมตร โดยเฉพาะในช่วงฝนฟ้าคะนองอาจสูงกว่านั้น เช่นเดียวกับอ่าวไทยที่คลื่นอาจสูงถึง 3 เมตรในบางพื้นที่ กรมอุตุฯ แนะนำให้เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงนี้อย่างเด็ดขาด
ความเสี่ยงที่ต้องไม่มองข้าม
ภัยธรรมชาติในลักษณะนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความเปียกชื้น ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันเสี่ยงทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ หรือภูเขาที่มีดินอุ้มน้ำไว้มากเกินไป การเตือนภัยจึงไม่ได้เป็นเพียงมาตรการตามพิธีการ แต่เป็นความพยายามลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างแท้จริง
ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงควรเตรียมอพยพไว้ล่วงหน้า หากอยู่ใกล้ทางน้ำหรือลำห้วย ส่วนผู้ใช้รถใช้ถนนในเส้นทางผ่านภูเขาและป่าไม้ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงที่ฝนตกหนักที่สุด
ความจำเป็นของการรับรู้และติดตามข้อมูล
บทเรียนจากภัยพิบัติในอดีตชี้ให้เห็นว่า “ความรู้เท่าทัน” เป็นปัจจัยสำคัญในการเอาชีวิตรอด ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา เว็บไซต์และช่องทางสื่อสารของหน่วยงานท้องถิ่น คือแหล่งข่าวที่ประชาชนควรติดตามอย่างสม่ำเสมอ ข้อมูลอัปเดตอย่างต่อเนื่องสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเล็กๆ ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เช่น การเลือกอยู่บ้านแทนที่จะเดินทาง หรือการอพยพก่อนที่ระดับน้ำจะสูงถึงจุดวิกฤต
จากวิภาถึงอนาคต ภัยพิบัติในยุคเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
พายุวิภาอาจเป็นเพียงพายุลูกหนึ่งในฤดูฝนปีนี้ แต่เส้นทางของมันและผลกระทบที่กระจายออกไปสะท้อนความซับซ้อนของระบบอากาศในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้รูปแบบพายุยากจะคาดเดา และความถี่ของภัยธรรมชาติเหล่านี้มีแนวโน้มจะสูงขึ้นทุกปี
สิ่งที่ต้องเตรียมจึงไม่ใช่แค่ร่มและกระสอบทราย แต่เป็นระบบรับมือที่เชื่อมโยงกันระหว่างรัฐ ท้องถิ่น และประชาชน พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งไม่ช้าก็เร็ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง