ประธาน ป.ป.ช. ดันใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพปราบทุจริต
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 18 กรกฎาคม 2568 เวลา 18.38 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทป.ป.ช. สนามบินน้ำ 18 ก.ค.- “สุชาติ” ประธาน ป.ป.ช. เปิดงาน ใช้ AI ปราบปรามการทุจริต เชื่อเทคโนโลยีประสานศักยภาพมนุษย์ สามารถเพิ่มขีดความสามารถรักษาคุณค่าขององค์กร
นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กล่าวเปิดงานสัมมนาสาธารณะหัวข้อยุทธศาสตร์การนำปัญญาประดิษฐ์ AI เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในประเทศไทย ว่า การทุจริตส่งผลเชิงลบทั้งในด้านการประกอบการ ภาพลักษณ์ ชื่อเสียง ความเชื่อมั่น การหยุดชะงักทางธุรกิจ และยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ในปัจจุบันองค์กรต่างๆต่างหามาตรการ ป้องกันและปราบปรามอย่างเข้มข้น ตลอดจนการนำเทคโนโลยีต่างๆมาประยุกต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แม้ว่าปัญญาประดิษฐ์จะเป็นการเสริมประสิทธิภาพ แต่ยังไม่มีเทคโนโลยีควบคุมภายในใดๆที่จะสามารถตรวจจับการป้องกันการทุจริตได้ทั้งหมด โดยพึ่งพาศักยภาพของมนุษย์น้อยลง
ดังนั้นองค์กรจึงต้องผนวกประยุกต์ใช้ ทางเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ และศักยภาพของมนุษย์เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการต่อต้านการทุจริต ที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อรักษาคุณค่าขององค์กร การเสริมสร้างความเชื่อมั่น ให้เกิดแก่ผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงหวังว่า ผู้ที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ จะได้นำแนวปฏิบัติการใช้ปัญญาประดิษฐ์ มาใช้กับสาธารณะ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
นอกจากนี้ นายสุชาติ ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของเทคโนโลยีโดยเริ่มต้นจาก Data information ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ก็มีความคาดหวังว่าต่อไปจะเพิ่มอะไร นอกจาก Data อีก ซึ่งจะมีในส่วนของการช่วยในการตัดสินใจ แต่ อย่างไรก็แล้วแต่ความยุติธรรม อยู่ที่คนเป็นหลัก อย่าให้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่ไม่ใช่มนุษย์ ก้าวข้ามคนไป อย่าให้ตัดสินใจแทนเรา
สำหรับการใช้ AI ในการทำงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในปัจจุบันนั้น เรามีการใช้อุปกรณ์ เช่น โดรน แผนที่ ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังไปถึง 50-60 ปี เพื่อเปรียบเทียบหลักฐานทางราชการ
ส่วน AI จะช่วยให้การทุจริตลดลงได้จริงหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า เป็นการเสริมสร้างการตัดสินใจ ชั่งน้ำหนักเกี่ยวกับพยานหลักฐานให้แม่นยำยิ่งขึ้น.-312 -สำนักข่าวไทย