เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่มหาอำนาจสแกมเมอร์ | ก้าวไกลวิสัยทัศน์
รายงานจากสหประชาชาติว่า มีกำลังพลที่ดำเนินการอาชญากรรมนี้กว่า 2 แสนคนในภูมิภาคนี้ 1.2 แสนคนในเมียนมา 1 แสนคนในกัมพูชา และกระจายออกไปในอีก 2-3 ประเทศที่มีกำลังพลน้อยกว่ามาก
มูลค่ากิจกรรมที่เป็นอาชญากรรมไซเบอร์มากกว่า 1 ล้านล้านบาทในแต่ละปี มากกว่ามูลค่าสินค้าส่งออกของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เสียอีก
อาชญากรรมนี้สร้างความเสียหายให้กับผู้คนทั่วโลก แต่ผู้เสียหายอยู่ในเอเชียกว่า 1 ใน 4 ของอาชญากรรมที่เกิดขึ้น รวมถึงผู้เสียหายจำนวนมากในประเทศไทย
ในขณะที่อาชญากรรมไซเบอร์ในประเทศอื่นๆ กระทำอย่างหลบซ่อน และกระจัดกระจาย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินการตามกฎหมาย
อาชญากรรมไซเบอร์ในแหล่งหลักของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กระทำกันอย่างเปิดเผย ปรากฏเป็นอาคาร หรือกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ แฝงตัวอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่มักได้รับการยกเว้นกฎกติกาบ้านเมือง เพื่อแลกกับการลงทุนจากต่างประเทศ
พื้นที่เหล่านั้นจึงแทบจะเป็นเขตปลอดกฎหมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินการอาชญากรรมไซเบอร์ได้เป็นอย่างดี
อาชญากรรมไซเบอร์โดยทั่วไปใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการก่ออาชญากรรม การป้องกันจึงกระทำได้อย่างมีประสิทธิผลโดยใช้เทคโนโลยีเช่นกัน
เพียงแค่องค์กรจัดให้มีกลไกการป้องกันทางเทคโนโลยีที่มีคุณภาพเพียงพอ และปรับปรุงให้เท่าทันกับรูปแบบการโจมตีทางไซเบอร์ใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากบริษัทผู้ขายเทคโนโลยีในการรักษาความมั่นคงทางไซเบอร์อยู่แล้ว
เพราะการอัปเกรดช่วยสร้างรายได้ให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง เพิ่มเติมจากการขายเครื่องมือรักษาความมั่นคงทางไซเบอร์ของบริษัท การรับมืออาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้เทคโนโลยีในการโจมตีจึงพอรับมือได้
ในพื้นที่อาชญากรรมหลักสองพื้นที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาชญากรรมไซเบอร์ใช้แนวทางที่มุ่งตรงไปที่การหลอกลวงตัวเหยื่อที่เป็นเป้าหมาย แต่ไม่ใช่การใช้เทคโนโลยีเจาะข้อมูลส่วนบุคคลแล้วนำไปก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ
ใช้เทคโนโลยีแค่ทำให้อาชญากรเข้าถึงเหยื่อ เพื่อตีสนิท หลอกลวง และจบลงด้วยการฉ้อโกงในสารพัดรูปแบบ กว่าจะจบลงที่การฉ้อโกงอาจใช้เวลาเป็นวัน เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน
อาชญากรรมไซเบอร์แบบนี้เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก จึงต้องมีผู้ร่วมกระทำผิดนับแสนคน ต้องใช้พื้นที่ใหญ่โตในการดำเนินงาน
ที่ยากขึ้นไปอีกคือ “โลว์เทคแต่ไฮทัชกับคน” จะใช้เฉพาะเทคโนโลยีรับมือกับอาชญากรรมไซเบอร์แบบนี้ไม่ได้ คนต้องตระหนักและเท่าทันการหลอกลวงด้วย
รูปแบบอาชญากรรมนี้ เรียกกันว่า “หลอกเลี้ยงก่อนเชือด” (Pig Butchering หรือ ฆ่าหมู) มาจากคำในภาษาจีนว่า Sha Zhu Pan เริ่มขึ้นในเมืองจีนในช่วงปี 2560-2562
ในสื่อสังคมที่เกี่ยวกับการจับคู่ออกเดตโดยมี 3 ขั้นตอนสำคัญ
1.หลอกเลี้ยงสร้างอารมณ์ให้มีความผูกพันในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ชู้สาวบ้าง คนที่ช่วยปัดเป่าปัญหาบ้าง
2.เมื่อเริ่มมีความผูกพันถึงระดับที่อาชญากรมั่นใจว่าจะเดินหน้าหลอกลวงได้ก็จะเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเงินต่างๆ
ยุคแรกๆ นั้นเป็นเรื่องการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูงมากๆ มีการสร้างความน่าเชื่อถือโดยให้ผลตอบแทนสูงในครั้งแรกๆ ของการลงทุน เพื่อกระตุ้นให้ตัดสินใจลงทุนในจำนวนมาก ตามเป้าหมายที่อาชญากรตั้งไว้
3.ฉ้อโกงเงินทองเหล่านั้นไปทั้งหมด พร้อมกับหายสาบสูญไปในทันที ซึ่งเหยื่อหมดตัวกันไปแล้ว อาชญากรรมไซเบอร์นี้สร้างความเดือดร้อนให้ผู้คนมากมาย จนรัฐบาลจีนปราบปรามอย่างจริงจัง อาชญากรเหล่านี้จึงหนีไปตั้งฐานปฏิบัติการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน
เมื่อสร้างปฏิบัติการขนาดใหญ่มากได้ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตามชายแดน ลงทุนไปเยอะ จึงต้องขยายการหลอกลวงออกไปในวงกว้าง เริ่มจากประเทศใกล้เคียงแล้วขยายวงข้ามทวีปไปเมืองฝรั่งเพื่อเพิ่มรายได้
คราวนี้นอกจากจะล่อลวงเหยื่อเพื่อหาเงินทองแล้ว ยังล่อลวงคนจากทั่วโลกที่พูดหลากหลายภาษามาร่วมก่ออาชญากรรม กลายเป็นกิจกรรมที่ใช้แรงงานมาก โดยมีต้นทุนต่ำจากการหลอกลวงบังคับใช้แรงงาน แต่รายได้นับแสนล้านบาทในแต่ละปี จากความเดือดร้อนของคนทั่วโลก
อาชญากรรมกระทำในพื้นที่ใหญ่โต มีคนนับแสนร่วมกันก่อให้เกิดขึ้น ยังคงอยู่ได้ในประเทศมหาอำนาจสแกมเมอร์ เพราะอะไร ทุกคนทราบคำตอบ และได้เห็นผลงานโกหกหน้าตายเป็นหลักฐานกันดีอยู่แล้ว.