โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

สื่อกัมพูชาขอชาวกัมพูชาอย่าปลุกปั่นชาตินิยม ชี้ “อนุทิน” ต้องการสันติภาพ

PPTV HD 36

อัพเดต 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา
Fresh News รายงาน ขอให้ประชาชนกัมพูชาหยุดปลุกปั่นชาตินิยม ชี้ “อนุทิน” ยืนยันแสวงหาสันติภาพ สอดคล้อง “ฮุน มาเนต” ต้องการฟื้นความสัมพันธ์เป็นปกติ

วันที่ 13 ก.ย. 68 สำนักข่าว Fresh News ของกัมพูชารายงานว่า ประชาชนชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งยังคงปลุกปั่นความรู้สึกชาตินิยม ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างกัมพูชาและไทยคลี่คลายลงอย่างมาก

Fresh News ระบุว่า ประสบการณ์จากหลายประเทศแสดงให้เห็นว่า สงครามไม่มีผู้ชนะที่แท้จริง แต่มีเพียงสันติภาพเท่านั้นที่เป็นหนทางสู่ความสำเร็จ อย่าปล่อยให้การปลุกปั่นความรู้สึกชาตินิยมมาทำลายการแสวงหาสันติภาพในเวลานี้

สื่อกัมพูชารายนี้บอกว่า ในบริบททางการเมืองและความมั่นคงที่ซับซ้อนระหว่างกัมพูชาและไทย ซึ่งแสดงสัญญาณของการลดราวาศอกเมื่อไม่นานนี้ บางคนมองว่า ทางออกโดยสันติที่รัฐบาลของทั้งสองประเทศกำลังแสวงหานั้นเป็นจุดอ่อน คนกลุ่มน้อยเหล่านี้ชอบปลุกปั่นให้ประชาชนยังคงต่อต้านและปฏิเสธที่จะถอยทัพ โดยใช้ความรู้สึกชาตินิยมเป็นเชื้อเพลิงในการสร้างความร้อนและต้องการเผาผลาญสังคมจนถึงแกนกลางในความวุ่นวายของชาตินิยมที่ไม่มีที่สิ้นสุด

Fresh News บอกอีกว่า สิ่งที่คนส่วนน้อยเหล่านั้นไม่เข้าใจและมองไม่เห็นคือ “การแสวงหาสันติภาพตามกฎหมายระหว่างประเทศและความร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศ เป็นหนทางเดียวที่จะยุติความขัดแย้งได้ในระยะยาวและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ”

หลังจากการสู้รบสิ้นสุดลง ได้มีการลงนามข้อตกลงหยุดยิง และในที่สุด สถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในประเทศไทย ที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ ไม่อาจปฏิเสธความสูญเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศได้ แต่การเรียกร้องให้กัมพูชายังคงเผชิญหน้าต่อไปโดยไม่รักษาสันติภาพไว้ กลับยิ่งนำไปสู่อันตรายที่เพิ่มมากขึ้น

Fresh News บอกว่า ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าสงครามไม่เคยนำมาซึ่งชัยชนะที่แท้จริง อัฟกานิสถานอยู่ในภาวะสงครามมานานหลายทศวรรษ ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานและความทุกข์ทรมานมาหลายชั่วอายุคน ในซีเรีย สงครามได้ก่อให้เกิดความแตกแยกของชาติ และประชากรมากกว่าครึ่งของประเทศกลายเป็นผู้ลี้ภัย ในยูโกสลาเวีย สงครามได้ลบประเทศนี้ออกไปจากแผนที่ เพราะลัทธิชาตินิยมได้จุดชนวนให้เกิดสงครามกลางเมือง ในรวันดา สงครามที่กลุ่มหัวรุนแรงในประเทศนั้นขับเคลื่อน นำไปสู่การทำลายล้างประเทศชาติ คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 800,000 คน เป็นต้น

ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการขาดความอดทนและความเชื่อมั่นในวาทกรรมชาตินิยมได้นำไปสู่การทำลายล้างประเทศของพวกเขา

ดังนั้น บทเรียนสำหรับกัมพูชาคือ หากคุณใช้ความโกรธต่อสู้กับความเข้มแข็ง และใช้อารมณ์ของคุณเพื่อติดตามการยุยงของกลุ่มหัวรุนแรง คุณจะไม่สามารถยุติสงครามได้ และสิ่งที่จำเป็นที่สุดในขณะนี้คือการแสวงหา “สันติภาพ” ให้เป็นหัวใจสำคัญก่อน

Fresh News รายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลชุดใหม่จะแก้ไขข้อพิพาทชายแดนด้วยสันติวิธีเพื่อลดความทุกข์ทรมานและความสูญเสีย คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญญาณของเจตจำนงทางการเมืองที่ฟื้นคืนมาเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันว่าการแสวงหาสันติภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ของกัมพูชา ยังได้กล่าวอีกว่า กัมพูชาหวังที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลชุดใหม่ของไทย เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาเป็นปกติและสร้างความไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นคำแถลงทางการเมืองที่ชัดเจนว่าทั้งกัมพูชาและไทยไม่ต้องการทำสงครามต่อไป แต่ต้องการสันติภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาเข้ามาแทนที่

Fresh News บอกว่า หลักการหนึ่งที่ต้องจำไว้อย่างชัดเจนคือ “หากคุณโกรธ คุณจะแพ้” ความอดทนและความยับยั้งชั่งใจในเวลานี้เป็นวิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงความสูญเสียร้ายแรง การเรียกร้องหาทางออกตามกฎหมายระหว่างประเทศและการใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นแกนหลักของการอนุญาโตตุลาการ เป็นพลังสำคัญในการเรียกร้องคืนผลประโยชน์ที่สูญเสียไป โดยปราศจากการใช้อาวุธหรือการสู้รบ

Fresh News ชี้ว่า ไม่มีใครสามารถยึดครองดินแดนของผู้ที่มีแผนที่กฎหมายอยู่ในสหประชาชาติได้ สงครามภายใต้หน้ากากของลัทธิชาตินิยมสุดโต่งจะไม่สามารถกลับมาได้รับประโยชน์ใด ๆ ได้อีก และประชาชนของทั้งสองประเทศจะรู้สึกสงบสุขทั้งสองฝ่ายได้ก็ต่อเมื่อยึดถือ “สันติภาพ” เป็นแกนหลัก แล้วหาข้อยุติตามกฎหมายระหว่างประเทศเป็นแกนหลัก

นอกจากนี้ ควรเข้าใจว่า ภูมิศาสตร์ของกัมพูชาและไทยไม่สามารถแก้ไขด้วยการแบ่งแยกหรือผลักดันซึ่งกันและกันได้ และทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งต้องปฏิบัติตามหลักการ 7 ประการของอาเซียน ได้แก่ การเคารพในอำนาจอธิปไตยและเอกราชของรัฐสมาชิกแต่ละรัฐ การไม่ใช้ความรุนแรง การแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ การไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น การปรองดองและความร่วมมือซึ่งกันและกัน และการสร้างประชาคมแห่งสันติภาพ หลักการเหล่านี้ของอาเซียนเป็นพื้นฐานสำหรับการรักษาสันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก

ดังนั้น การยุยงปลุกปั่นให้เกิดสงครามระหว่างกัมพูชาและไทยจึงเป็นการทำลายสันติภาพและจะไม่นำไปสู่ความสำเร็จใด ๆ ของทั้งสองประเทศ ประชาชนชาวกัมพูชาต้องร่วมมือกันเพื่อป้องกันการปลุกปั่นความรู้สึกชาตินิยม และต้องเรียนรู้ที่จะยึดหลักสันติภาพเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาที่เราคิดว่าสูญหายไปในอดีต

Fresh News เขียนสรุปว่า แม้ว่ามหาอำนาจและหลายประเทศทั่วโลกกำลังช่วยฟื้นฟูสันติภาพในกัมพูชาและส่งเสริมความร่วมมือกับไทย แต่เสียงปลุกปั่นในสังคมไม่ควรได้รับอนุญาตให้ส่งผลเสีย การแสวงหาสันติภาพผ่านกฎหมายเป็นทางออกเดียวที่จะรับประกันการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของกัมพูชา

Fresh News บอกว่า สิ่งสำคัญที่ชาวกัมพูชาต้องจำไว้ในขณะนี้คือ “อย่าปล่อยให้การปลุกปั่นทำลายความพยายามในการสร้างสันติภาพ ความอดทนและข้อเรียกร้องทางกฎหมายจะนำพากัมพูชาไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน”

เรียบเรียงจาก Fresh News

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รวบแล้ว! มือยิง “ชาร์ลี เคิร์ก” หลังรับสารภาพกับพ่อ

นักเคลื่อนไหวกัมพูชาโพสต์ชีวิตหรู "ตระกูลฮุน" ปลุกกระแสโมเดลเนปาล!

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สื่อกัมพูชาขอชาวกัมพูชาอย่าปลุกปั่นชาตินิยม ชี้ “อนุทิน” ต้องการสันติภาพ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

- Website : https://www.pptvhd36.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...