กินผัก-ผลไม้ ปกป้องผิวสู้แสงแดด
ผักและผลไม้ที่สีส้มสีเหลือง อย่างเช่น กล้วย ฟักทอง ส้ม มะม่วงสุก มะละกอ แครอท ไม่เพียงมีสีสันสดใสน่ารับประทานเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่ประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งรวมถึงสารอาหารสำคัญ อย่างเบตาแคโรทีน และแคโรทีนอยด์ที่ช่วยขจัดอนุมูลอิสระ พร้อมทั้งช่วยดูแลดวงตาของเรา
“คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล” บอกเล่าสาระน่ารู้เกี่ยวกับผักและผลไม้กลุ่มสีนี้ที่อุดมด้วย “เบตาแคโรทีน” คือ สารพฤกษเคมี หรือไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) ชนิดหนึ่ง ถือเป็นโปรวิตามินเอชนิดที่ร่างกายสามารถแปลงให้กลายเป็นวิตามินเอได้ และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่สามารถช่วยลดปัญหาสุขภาพด้วย
ประโยชน์ของ “เบตาแคโรทีน”
– ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
– สามารถป้องกันโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งกระเพาะอาหาร
– ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
– ลดความเสี่ยงของภาวะจอประสาทตาเสื่อม
– ชะลอความเสื่อมของสมองและความจำ
แม้เรามักพบสารเบตาแคโรทีนในผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง สีส้ม เช่น แครอต ฟักทอง มะม่วงสุก มะละกอสุก แคนตาลูป แล้ง แต่สามารถพบสารนี้ได้ในผักและผลไม้ที่มีสีเขียวเข้มด้วย อาทิ คะน้า ตำลึง ผักบุ้ง ปวยเล้ง บร็อกโคลี
แม้ไม่มีข้อกำหนดว่าเราควรได้รับเบตาแคโรทีนในปริมาณเท่าใดต่อหนึ่งวัน แต่มีการศึกษาเอาไว้ว่าในแต่ละวัน เราควรได้รับโปรวิตามินเอ ประมาณ 6-7 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่ากับผักและผลไม้สีเหลือง สีส้ม หรือสีเขียวเข้ม ประมาณ 400 กรัมต่อวัน โดยหากเราแบ่งทาน 3 มื้อ มื้อละ 1-2 ทัพพี ก็ถือว่าเราได้รับเบตาแคโรทีนในปริมาณที่เพียงพอต่อวันแล้ว
ถ้าอยากช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมเบตาแคโรทีนได้ง่าย ควรนำผักไปผ่านความร้อนเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากผักเหล่านี้มักมีเปลือกที่แข็ง การโดนความร้อนจึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น แล้วด้วยการที่เป็นโปรวิตามินเอ จึงเป็นสารที่สามารถละลายได้ดีในไขมัน ดังนั้น หากเราใส่น้ำมันที่มีคุณภาพดี 1 ช้อนชา (ประมาณ 5 กรัม) ระหว่างการประกอบอาหาร ก็จะช่วยเรื่องการดูดซึมได้ดีเช่นกัน.