ธนารักษ์ ปลดล็อกที่ราชพัสดุ 10 ล้านไร่ เปิดทางเอกชนประมูล ร่วมใช้ประโยชน์
วันที่ 22 ส.ค.2568 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ "Landlord Sharing" ซึ่งเป็นมิติใหม่ในการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ โดยมอบอำนาจให้ส่วนราชการสามารถนำที่ดินในความครอบครองที่ยังไม่เกิดประโยชน์ใช้สอยมาพัฒนาโครงการเชิงสังคมและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์
ทั้งนี้ ธนารักษ์เริ่มโครงการนำร่องกับกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานแรก ซึ่งได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โดยมีนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมลงนาม
นายเอกนิติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีที่ราชพัสดุกว่า 12.6 ล้านไร่ แต่มากกว่า 10 ล้านไร่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการ ซึ่งหลายแห่งยังขาดศักยภาพในการนำมาใช้ประโยชน์สูงสุดเนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ
กรมธนารักษ์จึงปรับบทบาทจากผู้ดูแลสู่การเป็นผู้ขับเคลื่อน ผ่านโครงการ Landlord Sharing ภายใต้ยุทธศาสตร์ “VALUE” ที่มุ่งสร้างและแบ่งปันคุณค่า (Value Creation & Value Sharing) จากทรัพย์สินของรัฐ
ซึ่งโครงการนี้จะช่วยปลดล็อกศักยภาพที่ดินรัฐเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างรายได้เข้ารัฐ และลดภาระงบประมาณแผ่นดิน โดยกรมธนารักษ์ได้วางหลักเกณฑ์ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดขั้นตอนราชการเพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการได้อย่างคล่องตัว
โครงการ Landlord Sharing จะมุ่งเน้นโครงการเชิงสังคมภายใต้ภารกิจของหน่วยงานนั้นๆ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องเป็นโครงการด้านสาธารณสุข การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต จะต้องไม่เป็นโครงการเชิงธุรกิจ หรือโครงการภายใต้กฎหมาย PPP ต้องมีการเปิดให้เอกชนเข้าร่วมพัฒนาผ่านการประมูลอย่างโปร่งใส รายได้จากการให้เอกชนเช่าต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน และต้องมีการกำกับดูแลค่าบริการให้เป็นธรรมแก่ประชาชน
นายเอกนิติ ย้ำว่า การมอบอำนาจนี้ไม่ใช่การโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินยังคงเป็นของรัฐ โดยมีระยะเวลาใช้ประโยชน์ไม่เกิน 30 ปี และหน่วยงานต้องรายงานผลการดำเนินงานให้กรมธนารักษ์ทราบทุกไตรมาส
โดยความร่วมมือแรกที่สำคัญคือการจับมือกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินโครงการนำร่อง (Sandbox) ในโรงพยาบาล 6 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่
1. โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างหอผู้ป่วยพิเศษและอาคารจอดรถ
2. โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จังหวัดเชียงราย สร้างศูนย์ Wellness (ศูนย์สุขภาพและฟื้นฟู) สถานพักฟื้นและรอรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
3. โรงพยาบาลสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ สร้างศูนย์บริการมะเร็ง หัวใจ และเวชศาสตร์วิถีชีวิต พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
4. โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา สร้างหอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
5. โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ (โรงพยาบาลบางละมุง) จังหวัดชลบุรี สร้างหอผู้ป่วยพิเศษ ที่พักระหว่างการรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
6. โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สร้างอาคารบริการและสนับสนุนทางการแพทย์
"ความร่วมมือนี้จะช่วยให้กระทรวงสาธารณสุขพัฒนาโครงการด้านการแพทย์ได้คล่องตัวขึ้น ลดภาระงบประมาณ และเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชน ถือเป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลไปยังหน่วยงานอื่นได้ในอนาคต" นายเอกนิติกล่าวทิ้งท้าย