"ภูมิธรรม" หารือทูตอียู หนุนไทยแก้ปัญหาชายแดน–ประมง ย้ำพร้อมผลักดัน FTA ให้เป็นรูปธรรม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายเดวิด เดลี (H.E. Mr.David Daly) เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป( EU )ประจำประเทศไทย ในโอกาสอำลาตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอบคุณและแสดงความชื่นชมในบทบาทของเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ประจำประเทศไทย ที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยและสหภาพยุโรปอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลไทย มุ่งมั่นที่จะสานต่อและขยายความร่วมมือกับสหภาพยุโรปให้แน่นแฟ้นอย่างรอบด้านยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ไทย-สหภาพยุโรป ให้มีความมั่นคงและเข้มแข็งในทุกมิติ
ด้านเอกอัครราชทูตอียู กล่าวว่า ความสัมพันธ์ไทย-สหภาพยุโรปที่มีพัฒนาการที่มั่นคงและก้าวหน้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยืนยันว่าอียู พร้อมที่จะสนับสนุนและร่วมมือกับไทยเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ให้มีความเข้มแข็ง ครอบคลุม และยั่งยืน รวมถึงผลักดันกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านระหว่างไทย-สหภาพยุโรป (Comprehensive Partnership and Cooperation Agreement - PCA) ถือเป็นกลไกการหารือทวิภาคีที่สำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในระยะยาว โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์และค่านิยมที่ทั้งไทยและสหภาพยุโรปมีร่วมกันอย่างรอบด้านและครอบคลุมทุกมิติ
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ด้านสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนายภูมิธรรม ขอบคุณอียู สนับสนุนงบประมาณเพื่อช่วยเหลือพลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ตลอดจนแสดงความห่วงใยต่อเสถียรภาพ ความมั่นคง และสันติภาพของทั้งสองประเทศ และมีส่วนช่วยอย่างสำคัญต่อการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนให้กลับคืนสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น
ส่วนด้านความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (FTA)ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเจรจาให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มั่นคงและก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนและท้าทาย พร้อมยินดีที่การเจรจา FTA รอบล่าสุดที่จัดขึ้นเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ที่กรุงเทพฯ สามารถตกลงในหลักการได้แล้ว 7 ข้อบท จาก 24 ข้อบท ถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญและสะท้อนถึงความคืบหน้าของการเจรจา
นอกจากนั้นขอบคุณอียู ที่ให้ความสำคัญด้านการประมงที่ผิดกฎหมายฯ(IUU) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งไทยดำเนินมาตรการแก้ไขอย่างจริงจังและเข้มงวด จนสามารถยกระดับการจัดการประมงให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ส่งผลให้ไทยได้รับการยกเลิกสถานะใบเหลือง อยู่ในสถานะ "IUU-Free" และได้รับการจัดให้อยู่ใน Tier 2 ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม ที่ผ่านมาไทยได้ปรับปรุงพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 (ค.ศ.2015) เพื่อส่งเสริมการทำการประมงอย่างยั่งยืนควบคู่กับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตชาวประมงไทย พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
""ไทยยึดมั่นในกติกาสากล และพร้อมทำงานเคียงข้างสหภาพยุโรปในฐานะหุ้นส่วนสำคัญ เพื่อผลักดันความร่วมมือในทุกมิติ ครอบคลุมประเด็นท้าทายยุคใหม่ อาทิ การปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรมทางไซเบอร์ ตลอดจนการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อประโยชน์ของภูมิภาคและประชาคมโลกโดยรวม"
ด้านเอกอัครราชทูตอียู ฯ กล่าวว่า แสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และยืนยันถึงความตั้งใจและความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยแสดงความเชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ผ่านสันติวิธี ลดระดับความตึงเครียด และนำไปสู่ความมั่นคงและสันติภาพที่ยั่งยืนในระยะยาว
นอกจากนั้นยืนยันความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับไทยอย่างใกล้ชิด ในการเจรจา FTA ไทย-EU ครั้งต่อไป (รอบที่ 7) ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ระหว่างวันที่ 29 ก.ย.-3 ต.ค.นี้ เพื่อผลักดันให้การเจรจาความตกลงการค้าเสรีสามารถเดินหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรมและเอื้อต่อการขยายตลาดของทั้งสองฝ่ายในระยะยาว และเชื่อมั่นว่าความตกลง FTA ฉบับนี้จะเป็นความตกลงการค้าเสรีที่สะท้อนถึงการผสมผสานประเด็นการค้าแบบดั้งเดิมกับประเด็นร่วมสมัย อาทิ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และทรัพย์สินทางปัญญา ฯลฯ ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจโลกยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้อียูพร้อมสนับสนุนและร่วมมือกับไทยในการผลักดันการทำประมงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่างยั่งยืน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมประมงไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของชาวประมง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจฐานทรัพยากร ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมในภาพรวม