มาริษถกรองข้าหลวงสิทธิฯ สัญญานบวก เข้าใจไทยยึดกติกา ตำหนิ ฮุน เซน แพร่คลิปเสียง ใช้โซเชียลโจมตี
มาริษชี้ ถกรองข้าหลวงสิทธิฯ สัญญานบวก เข้าใจไทยยีดกติกา ตำหนิ ฮุน เซน แพร่คลิปเสียง ใช้โซเชียลโจมตี
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่นครเจนีวา จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์หลังหารือว่า ตนได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯ มีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี
นายมาริษกล่าวว่า ตนได้อธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย
นายมาริษกล่าวอีกว่า ตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฯฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง และได้อธิบายให้ฟังว่าการปะทะกันของทหารเกิดขึ้นจากการที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในอำนาจอธิปไตยของไทย โดยการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ ซึ่งในช่วงแรกไทยไม่ได้ตอบโต้โดยการใช้กำลังแต่ใช้วิธีปิดพรมแดนเพื่อไม่ให้ปัญหาทุ่นระเบิดขยายตัว ไปถึงประชาชนพลเรือน แต่ฝ่ายกัมพูชากลับมาโจมตีไทยก่อน เราจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางทหารโดยการจำกัดวง ทำตามกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งทุกอย่างที่อธิบายรองข้าหลวงใหญ่ฯ ก็เข้าใจ ว่าเราพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้กฎระเบียบของสหประชาชาติ ซึ่งสิ่งที่ที่ตนได้ย้ำเพิ่มเติมคือการใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยในหลายเรื่อง รวมทั้งการละเมิดกฏหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศโดยการใช้โล่มนุษย์ ให้พลเรือนมากดดันปฏิบัติการทางทหาร ไทยมีเขตพื้นที่ทางทหารอย่างชัดเจน โดยไม่ได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงใดๆ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า การพูดคุยเป็นสัญญาณบวกที่ดีทำให้รองข้าหลวงใหญ่เข้าใจมากขึ้นในหลายๆเรื่อง ทั้งที่อยู่ในข่าว รวมทั้งเรื่องที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียในการดึงเอาแรงงานกัมพูชากลับไป ซึ่งก็เราก็ให้เขากลับ แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเขากลับไปแล้วไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ซึ่งคนเหล่านี้เดิมอยู่ในระบบแรงงานที่ถูกต้องตามกฏหมาย พอหนีกลับมาอีกครั้งกลายเป็นแรงงานนอกระบบ
เมื่อถามว่ารองข้าหลวงใหญ่ฯได้ให้คำแนะนำอย่างไรบ้าง นายมาริษกล่าวว่า รองข้าหลวงใหญ่ฯแนะนำอย่างเดียว คือเป็นไปตามกฎระเบียบของทั้งหมด และสนับสนุนในเรื่องของการพูดคุย เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยต้องหาทางประชาชนของทั้งสองประเทศ ไม่ให้เข้าใจผิดระหว่างกันถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่สนับสนุนการใช้โซเชียลมีเดียและทางข้าหลวงใหญ่ออกแถลงการณ์ชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการใช้โซเชียลมีเดียความบิดเบือน และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสาร คือสิ่งที่เราชี้แจงเพื่อให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ ได้ตระหนักว่าเราเล่นตามเกมตามกฏหมายระหว่างประเทศ มาโดยตลอด และกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเป็นการเสนอข้อเท็จจริงให้กับทางข้าหลวงใหญ่
“รองข้าหลวงใหญ่ รับฟังอย่างเป็นกันเอง และมีท่าทีที่ชัดเจนและเข้าใจในบริบทต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการดำเนินการตามมาตรการทางการทูต และด้านการต่างประเทศ ซึ่งจะมองถึงการแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์อย่างสันติ ด้วยความจริงใจ” นายมาริษกล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : มาริษถกรองข้าหลวงสิทธิฯ สัญญานบวก เข้าใจไทยยึดกติกา ตำหนิ ฮุน เซน แพร่คลิปเสียง ใช้โซเชียลโจมตี
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th