สาวใหญ่ฟุบเสียชีวิตคาโต๊ะ ก่อนตายเล่าถูกผัวซ้อมทุกวัน
(14 ส.ค. 68) เวลา 09.00 น. พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มิ่งเมือง สารวัตรสอบสวนสภ. รัตนาธิเบศร์ได้รับแจ้งเหตุ หญิงเสียชีวิตภายในร้านอาหารตามสั่งซอยทานสัมฤทธิ์ 10 ตำบลท่าทรายอำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูและแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์รีบตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นร้านค้าชั้นเดียวอยู่บริเวณปากซอยดังกล่าวพบหญิงสาวสวมเสื้อสีส้ม ใส่กางเกงขาสั้นสีม่วง สวมรองเท้าแตะสีขาวทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.จันเท อายุ 49 ปี สัญชาติกัมพูชา อายุ 47 ปี สภาพศพนั่งฟุบอยู่บนโต๊ะอาหาร พบบาดแผลฟกช้ำบริเวณใบหน้าและบาดแผลบริเวณริมฝีปาก
จากการสอบถามนางสายพิณอายุ 50 ปี แม่ของนายณัฐพล หรือ อาร์ อายุ 31 ปี เป็นสามีอยู่กิน น.ส.จันเท มานาน 8 ปี ไม่มีลูกด้วยกัน ทำงานก่อสร้างทั้งคู่ โดยลูกสะใภ้ชอบกินเหล้าเมาหนักทุกวัน ทะเลาะกันเป็นประจำ ลูกชายได้ต่อว่าและมีการลงไม้ลงมือบางครั้ง ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานผู้ตายได้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าหิ้วพัดลมมาหนึ่งตัวออกมาจากแคมป์คนงานก่อสร้างที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เพราะน้อยใจถูกสามีเพราะถูกตบตี ส่วนลงมือหนักหรือไม่ตนไม่เคยเห็น แต่ยอมรับว่าทะเลาะกันเป็นประจำส่วนสาเหตุเสียชีวิตตนไม่ทราบ
ต่อมานายอาร์ สามีของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาที่เกิดเหตุเมื่อเห็นศพภรรยาพูดว่าทำไมทำแบบนี้เตือนแล้วไม่ฟัง และเล่าว่าก่อนเกิดเหตุได้ตบปากภรรยาไปสองครั้ง เพราะโมโหที่กินเหล้าหนักห้ามไม่ฟังภรรยามีโรคประจำตัวเป็นความดันสูง ตนยืนยันว่าไม่เคยทำร้ายร่างกายลงไม้ลงมือรุนแรงแต่ยอมรับว่ามีปากเสียงกันบ่อยครั้ง ก่อนจะร่ำไห้พร้อมก้มลงหอมร่างของภรรยา ยกมือไหว้ และกล่าวตัดพ้อว่า ขอโทษทุกอย่างและขอบคุณที่ร่วมสร้างกันมา
ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับป้าเอ(นามสมมุติ) คนรู้จักของผู้เสียชีวิตกล่าวว่านายอาร์ซึ่งเป็นสามี ชอบทำร้ายร่างกายผู้ตายเป็นประจำ นายอาร์อายุน้อยกว่าผู้ตาย หลอกให้ผู้ตายผ่อนรถจักรยานยนต์ให้ ผู้ตายเป็นชาวกัมพูชาไม่กล้ามีปากเสียง ต้องอดทนกล้ำกลืนฝืนทนอยู่กับนายอาร์ จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายอาร์มาเจอผู้ตายอยู่ใกล้ร้านค้าที่เสียชีวิต ได้มีปากเสียงกันและได้ชกต่อยผู้ตายก่อนจะกลับบ้านพักไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังผู้ตายถูกตบตีทางผู้ตายไปขอความช่วยเหลือกับป้าที่อยู่ร้านค้าที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะนั่งพักแล้วฟุบเสียชีวิตดังกล่าว
ขณะที่ นางภาวนา อายุ 52 ปี เจ้าของร้านอาหารตามสั่งที่เกิดเหตุ กล่าวว่า เมื่อเช้าเวลาประมาณ 6 โมงกว่า คนตายเดินมาจากปากซอย แวะมาหาตนแล้วบอกว่าโดนแฟนซ้อมตนสังเกตเห็นบริเวณใบหน้ามีรอยเขียวช้ำ ขอตนเข้าไปนั่งพักตรงโต๊ะที่ร้านค้า ตนเลยบอกว่าถ้าโดนซ้อมขนาดนี้สามีไม่ได้รักแล้วผู้ตายบอกว่าจะทำงานแค่ 15 วัน เงินออกแล้วจะกลับบ้าน รอเก็บเงินค่ารถประมาณ 4,000 บาท
ผู้ตายยังปรับทุกข์ให้ฟังว่าถูกสามีเตะที่หัวและเตะตามตัวเป็นประจำ ตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บ คุยกันนานกว่า 10 นาที ผู้ตายบอกอีกว่าบอกว่าไม่เคยส่งเงินให้กับแม่เพราะสามีให้ส่งค่ารถ แอบเอาเงินในกระเป๋าไปหมดไม่มีเงินเหลือซื้อกับข้าว หลังพูดคุยกันผู้ตายขอตนนอนพัก ตนเลยไปทำกับข้าวในบ้าน จนมีวิน จยย.ขับมาเจอพบว่านอนนิ่งอยู่ จึงได้รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายอาร์ และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป