เบนซ์ ประกอบ EV ในไทย ราคาต่ำ 3 ล้านบาท จ้างเพาเวอร์ เทค ทำแบตเตอรี่
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้บทเรียนจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV หลังเริ่มจากการจับตลาดบน แต่ยอดขายไม่เดิน จนต้องประกาศปรับฐานราคาใหม่ เช่น EQE 300 เดิม 3.97 ล้านบาท เป็น 2.89 ล้านบาท
EQE 350 4MATIC SUV เดิม 4.85 ล้านบาท ราคาใหม่ 3.19 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังจัดส่วนลดตั้งแต่ 2 แสนบาท ไปจนถึง 3.01 ล้านบาท สำหรับ EQE และ EQS รวมอีก 4 รุ่น
การลดราคา EV รอบนี้ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย สร้างอิมแพคให้กับตลาด และช่วยระบายสต๊อกทั้งรถนำเข้าและประกอบไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งภายหลังจากคิกออฟแคมเปญ DEFINING ELECTRIC : Reimagine Intelligence มียอดจองเข้ามาเกิน 220 คัน และยังเตรียมไปจัดอีเวนต์ให้ผู้สนใจร่วมทดลองขับ EV 8 รุ่น ที่เซ็นทรัล วิลเลจ ในวันที่ 23-24 และ 30-31 สิงหาคมนี้
นายมาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เรียนรู้ และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในไทย จนเข้าใจถึงความต้องการตลาด แน่นอนว่าเราต้องมีโปรดักต์ที่ถูกต้องในราคาที่เหมาะสม ขณะเดียวกันด้วยความพร้อมของการขึ้นไลน์ประกอบในประเทศ และเครือข่ายในการขายและบริการหลังการขายทั่วประเทศ ยังถือเป็นเรื่องสำคัญ
ที่ผ่านมาการทำตลาด EV ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ โดยเริ่มต้นด้วยการนำรุ่นแฟลกชิปในเซกเมนต์ Top End Luxury อย่าง EQS มาเปิดตัวครั้งแรกในปี 2565 ทั้งรุ่นนำเข้าและรุ่นประกอบในประเทศ เพื่อทำให้คนไทยได้สัมผัสกับขั้นสุดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับโลกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์
ก่อนที่ในปี 2566-2567 จะเริ่มเปิดตัวรถยนต์ในเซกเมนต์ Entry Luxury อย่าง EQB 250 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนไปถึงการเปิดตัว EQE 350 4MATIC SUV, EQE 53 4MATIC+, EQE 300 และ EQS 450 4MATIC SUV ตามลำดับ
จากระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีความเข้าใจในโจทย์ และความพร้อมของผู้บริโภคชาวไทยสำหรับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นอย่างดี
โดยกลยุทธ์ด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ต่อจากนี้ หลังจากการเปลี่ยนผ่านของยุค Mercedes-EQ ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดหวังให้ The new CLA เป็นโมเดลสำคัญที่จะเข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทย ที่มองหารถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในเซกเมนต์ที่จับต้องได้
“CLA 250+ with EQ Technology จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ประกอบในประเทศไทยด้วยแพลตฟอร์ม MMA ที่ทำให้กระบวนการผลิตรถยนต์ของทุกระบบขับเคลื่อนมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อการกำหนดโครงสร้างราคาของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จะเปิดตัวในอนาคต” นายชเวงค์ กล่าวสรุป
สำหรับ CLA 250+ with EQ Technology วางแผนเปิดสายการผลิตที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ จ.สมุทรปราการ ปลายปีนี้ ก่อนจะเริ่มส่งมอบรถต้นปี 2569
ทั้งนี้ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ว่าจ้างซัพพลายเออร์ “เพาเวอร์ เทค” จ.ฉะเชิงเทรา ที่เดิมผลิตเครื่องยนต์ให้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อยู่แล้ว เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่แรงดันสูง 800 โวลต์ ขณะที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV และแบตเตอรี่สำหรับรถปลั๊ก-อินไฮบริด
CLA 250+ with EQ Technology ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. แบตเตอรี่ NMC ความจุ 85 kWh ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง 792 กม. (WLTP)
การชาร์จที่รองรับ DC Charge สูงสุด 320 kW พร้อมติดตั้งระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่ผสานการทำงานของเทคโนโลยี AI ด้วยระบบ MBUX Virtual Assistance ที่ร่วมมือกับ Google นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชันทั้ง ChatGPT, Gemini, Google Maps, Microsoft Teams, Webex, Zoom