iLaw ออกรายงาน 1 ปี สว. 67 ตรวจสอบผลงาน200 สว. จากระบบ “แบ่งกลุ่ม-เลือกกันเอง”
สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 200 คนจากระบบ “แบ่งกลุ่ม-เลือกกันเอง” หรือที่ถูกขนานนามว่า “สว.สีน้ำเงิน” ทำงานครบรอบหนึ่งปีนับแต่ประชุมนัดแรกไปเมื่อ 23 กรกฎาคม 2568 แม้จะไม่มีอำนาจลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เหมือน สว. แต่งตั้ง 250 คน แต่ สว. ชุดนี้ก็ยังคงมีอำนาจอื่นที่สำคัญ อาทิ การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลผ่านการอภิปรายทั่วไปแล้วการตั้งกระทู้ถาม การทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณากฎหมาย การให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการองค์กรอิสระ และข้าราชการระดับสูงบางตำแหน่งที่กฎหมายกำหนดให้ต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา
ในรอบหนึ่งปีการทำงานของ สว. iLaw ออกรายงานชุด “1 ปี สว. 67” ตรวจสอบการทำงานของ สว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน แต่ทำหน้าที่ในนามตัวแทนประชาชน โดยประกอบด้วยรายงานสี่ชิ้นจากสี่ประเด็น ดังนี้
1. 1 ปี สว. 67 : กลุ่มข้างมากแพ็กกันแน่นครอง 75% ของวุฒิสภา ข้างน้อยเกาะกลุ่ม 17 คน แกะกลุ่ม สว. จากผลการลงมติในการประชุมวุฒิสภาและการประชุมรัฐสภา ตั้งแต่ 23 กรกฎาคม 2567 จนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 รวม 189 มติ แยก สว. 197 คน โดยไม่นับประธานและรองประธานวุฒิสภา ได้เป็นสามกลุ่ม ได้แก่
1) กลุ่มข้างมาก 147 คน หรือคิดเป็น 74.62% จากจำนวน สว. 197 คน สว. กลุ่มนี้มีแนวโน้มลงมติสอดคล้องกันไปตามเสียงส่วนใหญ่ สว. บางรายมีโหวตไม่ตรงตามเสียงข้างมากในบางมติ โดย สว. กลุ่มนี้ มีอย่างน้อย 132 คนที่ถูกกล่าวหาคดี “โกงเลือก สว.”
2) กลุ่มข้างน้อย 17 คน หรือคิดเป็น 8.63% จากจำนวน สว. 197 คน มีทิศทางการลงมติสวนทางกับเสียงข้างมากของสภาสูง
3) กลุ่มคาดหมายไม่ได้ 33 คน หรือคิดเป็น 16.75% จากจำนวน สว. 197 คน มีการลงมติที่สอดคล้องกับเสียงส่วนใหญ่ของวุฒิสภา และมีมติแทงสวนในบางมติ
ด้านการลงมติ โดยภาพรวมแล้ว สว. ส่วนใหญ่ในสภา 183 คน ไม่นับประธานและรองประธานวุฒิสภา มาร่วมลงมติเกิน 50% จากมติ 189 มติ
ดูรายงานนี้ได้ที่https://www.ilaw.or.th/articles/53964
2. 1 ปี สว. 67 : โหวตกฎหมาย 25 ฉบับ ผ่านพ.ร.บ. 20 ฉบับ แก้ไขร่างที่ผ่านมือสส. ไป 3 ฉบับ ผลงานร้อนแรงแซงสว. ชุดพิเศษ ด้านผลงานการพิจารณากฎหมาย อันเป็นบทบาทหลักในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ตั้งแต่ 23 กรกฎาคม 2567 – 30 พฤษภาคม 2568 สว. ชุดนี้โหวตกฎหมายรวม 25 ฉบับ เป็นพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่พิจารณาร่วมกับ สส. สองฉบับ พระราชกำหนดสามฉบับ และพระราชบัญญัติอีก 20 ฉบับ เมื่อเปรียบเทียบกับ 250 สว.ชุดพิเศษ ที่พิจารณากฎหมายระดับพระราชบัญญัติไป 51 ฉบับในรอบห้าปี สว. ชุดนี้มีจำนวนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ “แซงหน้า” 250 สว. ชุดพิเศษจากการแต่งตั้ง ด้านสถิติการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านมือ สส. มาแล้ว ยังใกล้เคียงกัน ส่วนร่างพระราชบัญญัติที่พิจารณารวดเร็วแบบ “สามวาระรวด” สว. ชุดแรกจากระบบเลือกกันเอง ใช้กระบวนการพิจารณารูปแบบนี้ไปแล้วสามฉบับในรอบหนึ่งปี เยอะกว่า สว. ชุดพิเศษที่พิจารณาห้าฉบับในรอบห้าปี
ดูรายงานนี้ได้ที่https://www.ilaw.or.th/articles/54030
3. 1 ปี สว. 67 : สว. 88 คนผลัดเวรนั่งกมธ.สอบประวัติฯ ศาลรธน.-องค์กรอิสระ-ข้าราชการระดับสูง เกินครึ่งไม่มีส่วนร่วม ก่อนจะลงมติให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย จะมีกระบวนการ “ตรวจสอบประวัติ” ก่อน โดยสว.จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อทำหน้าที่สอบประวัติ ความพฤติกรรม และพฤติกรรมทางจริยธรรม (กมธ.สอบประวัติฯ) ของผู้ถูกเสนอชื่อ ในรอบการทำงานหนึ่งปีนับแต่ประชุมวุฒิสภานัดแรกเมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 – 21 กรกฎาคม 2568 วุฒิสภาตั้งกมธ.สอบประวัติฯ จำนวน 13 ชุด มีเพียงสว. 88 จาก 200 คน วิ่งผลัดสลับกันนั่งใน กมธ. ในจำนวน 88 คน มี 75 คนหรือคิดเป็น 85% ที่อยู่ระหว่างคดีโกงเลือก สว. ด้วย
ดูรายงานนี้ได้ที่ https://www.ilaw.or.th/articles/54081
4.1 ปี สว. 67 : สำรวจตำแหน่งแห่งที่ 21 กมธ.สามัญ สว. กลุ่มข้างมากครองเก้าอี้ประธานไปแล้ว 20 คณะ สำรวจกรรมาธิการสามัญวุฒิสภา 21 คณะ มี สว.กลุ่มข้างมากครองเก้าอี้ประธานไปแล้ว 20 คณะหรือคิดเป็น 95.24% และมี สว.ข้างน้อยได้เป็นประธานเพียงคณะเดียว คือ คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค (กมธ.พัฒนาการเมืองฯ) ทั้งนี้ในกมธ.พัฒนาการเมืองฯ ก็มี สว.กลุ่มข้างน้อยนั่งเก้าอี้กมธ. เยอะสุดอยู่ที่แปดจากทั้งหมด 18 คน
ผู้ที่เป็นประธานกมธ.สามัญแต่ละคณะ จะมีบทบาทสำคัญ คือ ได้นั่งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา หรือวิป สว. มีบทบาทสำคัญในการเตรียมการก่อนประชุมวุฒิสภา และกำหนด “โควตา” ของกรรมาธิการชุดต่างๆ เช่น กมธ.สอบประวัติฯ ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการองค์กรอิสระ ข้าราชการระดับสูง
ดูรายงานนี้ได้ที่https://www.ilaw.or.th/articles/54116