โฆษก กห. สรุปสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยันทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีการปะทะตลอดแนว
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า สถานการณ์ตั้งแต่เมื่อวาน (18 ธ.ค. 2568) ที่ผ่านมา ทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงปะทะกันตลอดแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยมีเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่ ในเวลา 20.00 น. ของวานนี้ โดรนตรวจการณ์ของฝ่ายไทย ขาดการติดต่อขณะบินสังเกตการณ์บริเวณแนวชายแดน จังหวัดสระแก้ว ต่อมา ในช่วงเวลา 04.50 น. ฝ่ายกัมพูชา เปิดฉากยิงอาวุธหนักเข้ามาบริเวณแนวชายแดนจังหวัดตราด จากนั้น เมื่อเวลา 05.00 น. เกิดการปะทะอย่างต่อเนื่องบริเวณเนิน 350 ใกล้กับพื้นที่ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังคงมีการปะทะสูงอย่างต่อเนื่อง
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่ จากการที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพยายามควบคุมพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะฝ่ายไทย ซึ่งดำเนินการผลักดันฝ่ายกัมพูชาจากพื้นที่อธิปไตยของไทย และในเวลา 06.00 น. ฝ่ายกัมพูชา ได้เปิดฉากยิงอาวุธหนักเข้ามาในดินแดนอธิปไตยไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแถ้ว ทําให้ฝ่ายไทยต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง การปะทะที่ยังคงเกิดขึ้น ตั้งแต่เมื่อคืนวาน จนถึงตอนนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้ไทยจะสามารถควบคุมพื้นที่อธิปไตยไทยไว้ได้หลายพื้นที่แล้ว แต่ก็ยังคงต้องระมัดระวังการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ฝ่ายไทยต้องปฏิบัติการด้วยความระมัดระวัง
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังฝากให้ประชาชนสังเกต และระวังข่าวปลอมจากฝ่ายกัมพูชา เช่น กรณีปรากฏข่าวว่าฝ่ายกัมพูชา สามารถทำลายเครื่องบิน F-16 ของฝ่ายไทยได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง เช่นเดียวกับกรณีที่ นายเคซี่ บาร์เน็ตต์ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในกัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อออนไลน์ว่าปฏิบัติการทางทหารของไทยขณะนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อยึดครองและผนวกดินแดนกัมพูชาเป็นส่วนหนึ่งของไทย ก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากประเทศไทย มีจุดยืนที่ชัดเจนมาโดยตลอด ว่าปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้น เป็นไปเพื่อรักษาความเป็นเอกราชและอธิปไตยของประเทศ รวมทั้งเคารพและให้เกียรติต่ออธิปไตยของประเทศอื่น ๆ ถึงแม้จะเป็นประเทศที่เป็นภัยคุกคามกับไทยก็ตาม
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ผลกระทบต่อภาคประชาชนไทยในขณะนี้ มีผู้ที่อพยพมาอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวทั้งสิ้น 251,222 คน โดยมีการตั้งศูนย์พักพิง 985 จุด มีประชาชนที่เสียชีวิตจากการโจมตีของกัมพูชาโดยตรง 1 ราย มีประชาชนที่เสียชีวิตจากผลกระทบทางอ้อมของเหตุการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา 22 ราย และมีประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของกัมพูชา 6 ราย โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 20 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ได้รับผลกระทบ 201 แห่ง