เหตุผลที่ไม่ควรพลาดชม กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
ฟุตบอลลีกสูงสุดของอิตาลีในชื่อ "กัลโช่ เซเรีย อา" เป็นคำที่แฟนๆ ชาวไทยคุ้นหูเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแฟนๆ ในยุค 90 หรือยุค 2000 ที่เติบโตมากับยุครุ่งเรืองของฟุตบอลแดนรองเท้าบูท (เพราะประเทศอิตาลีในแผนที่มีทรงเหมือนรองเท้าบูท)
ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในอิตาลี จากผลสำรวจโดย StageUp เมื่อปี 2024 ระบุว่าเฉพาะแฟนๆ ในอิตาลีก็ติดตามฟุตบอล เซเรีย อา กันมากถึง 25.4 ล้านราย ดังนั้น เซเรีย อา จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขันกีฬา แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึก มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งดึงดูดแฟนบอลทั่วโลกให้ติดตาม แม้แฟนลูกหนังชาวไทยอาจมองว่ามีลีกอื่นในยุโรปที่น่าสนใจและเข้าถึงง่ายกว่า
ทำไมต้อง “กัลโช่”
กัลโช่ เป็นคำทั่วไปที่หมายถึงกีฬาที่ใช้การเตะ มาจากคำว่า Calciare (กัล-ชิ-อา-เร) ในภาษาอิตาเลี่ยน นี่จึงเป็นคำที่สื่อได้อย่างตรงตัวสำหรับชาวอิตาเลี่ยน แตกต่างจากภาษาไทยที่ใช้การทับศัพท์ฟุตบอลอย่างตรงตัว
ประวัติศาสตร์ยาวนานของฟุตบอลในอิตาลี
อย่างที่รู้กันว่าฟุตบอลมีต้นกำเนิดในอังกฤษและเข้ามากับกองกำลังทหารข้ามน้ำข้ามทะเล เมื่อมาถึงฟลอเรนซ์ เมืองแห่งศิลปะในยุคกลางหรือศตวรรษที่ 16 ผู้คนในเมืองฟลอเรนซ์ที่มีใจรักศิลปะวัฒนธรรมก็กำหนดกฎเกณฑ์การแข่งขันขึ้นจนมีรูปแบบเฉพาะตัวที่เรียกกันว่า "Calcio Storico Fiorentino” มีผู้เล่นฝั่งละ 27 ราย และยังเล่นเกมชิงลูกบอลกันอย่างดุเดือด ขณะที่อาณาจักรโรมันเผชิญสงคราม กัลโช่ ก็เป็นทั้งการแข่งขันและการผ่อนคลายของเหล่าทหารในยุคนั้น
เวลาผ่านไป กัลโช่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงจนมาสู่ยุคโมเดิร์น ที่คาดกันว่า ฟุตบอลสมัยใหม่เริ่มต้นขึ้นที่ เจนัว เมืองท่าติดทะเล และได้รับอิทธิพลจากการหลั่งไหลของวัฒนธรรมต่างถิ่น จึงเห็นได้ว่าในช่วงแรกของการก่อตั้งลีก ทีมส่วนใหญ่เป็นทีมจากตอนเหนือ และ “กัลโช่ เซเรีย อา” เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1898 และดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง พัฒนาเป็นระบบลีกฤดูกาลแรกในปี 1929 มี 2 ระดับชั้น
“สคูเด็ตโต้” คือโล่จิ๋วบนเสื้อ เนื่องจากในสมัยก่อน ฟุตบอลเป็นกีฬาของเหล่าทหาร ทำให้ผู้ชนะจะได้รับโล่ขนาดเล็กที่แสดงถึงสถานะแชมป์ใส่ไว้บนเสื้อ สมัยก่อนนั้นไม่มีการมองถ้วยรางวัล แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลง มอบรางวัลในเวลาต่อมา
เกมแท็กติกอันล้ำลึกและการตั้งรับที่แข็งแกร่ง
ฟุตบอลในอิตาลีพัฒนามาอย่างต่อเนื่องทุกยุคสมัย นับตั้งแต่อิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1934 และ 1938 และเหล่าทีมสโมสรยังเดินหน้าคว้าแชมป์ในระดับยุโรปโดยเฉพาะ “ยูโรเปี้ยน คัพ” หรือชื่อเดิมของ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เล่นชั้นดีหลั่งไหลมาที่ เซเรีย อา ทั้ง ดิเอโก้ มาราโดน่า และยุคของ “สามทหารเสือ” แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด, รุด กุลลิท และ มาร์โก ฟาน บาสเท่น
ถ้าเนเธอร์แลนด์ส มี “โททัล ฟุตบอล” อิตาลีก็มี “คาเตนัชโช่” การตั้งรับลึก มีระเบียบวินัยสูง ปรัชญาการเล่นฟุตบอลแบบเกมศูนย์ ทำลายเกมรุกของคู่ต่อสู้ ผู้เล่นทุกคนต้องตั้งรับได้ ตั้งรับลึก ปิดเกม บีบพื้นที่ กองหน้าต้องถอยลงมาช่วยเกมรับ ขยันวิ่ง มีพละกำลังดี รับแล้วเตรียมตัวโต้กลับเร็วตามแผนที่โค้ชหรือผู้จัดการทีมสั่ง
กองหลังใช้การประกบตัวต่อตัว (Man-Marking) เพื่อปิดตามแนวรุก หรือมี ลิเบโร่ Sweeper ตำแหน่งกองหลังคนสุดท้ยายก่อนไปถึงผู้รักษาประตู จนกระทั่งมีการควบตำแหน่ง ผู้รักษาประตูที่เป็น ลิเบโร่ ขึ้นมา ซึ่ง ลิเบโร่ จะไม่ตามผู้เล่น แต่เป็นการไล่เก็บบอลก่อนไปถึงจุดอันตรายหรืออาจเข้าสู่โซนอันตรายแล้ว
นอกจากนี้ ผู้จัดการทีมในเซเรีย อา มักจะใช้เวลามากมายในการศึกษาคู่แข่ง วางแผนการเล่นอย่างละเอียด และปรับเปลี่ยนแท็กติกได้ตลอดเวลา ทำให้แต่ละเกมไม่ใช่แค่การวิ่งไล่บอลไปมา แต่เป็นการต่อสู้ทางความคิด การอ่านเกม และการแก้เกมของผู้จัดการทีม คุณจะได้เห็นการจัดระเบียบในแนวรับที่ยากจะเจาะเข้า การสวนกลับที่เฉียบคม และความสามารถในการรักษาสกอร์เมื่อได้เปรียบ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่แตกต่างจากลีกอื่นๆ และเห็นได้เลยว่า ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลี่ยนในลีกอื่นๆ ก็มีความสามารถที่จะพาทีมไปคว้าแชมป์ได้ เช่น เคลาดิโอ รานิเอรี่ กับ เลสเตอร์ ซิตี้ สุดยอดแชมป์พรีเมียร์ลีกมหัศจรรย์ หรือ อันโตนิโอ คอนเต้ กับ เชลซี
หนึ่งใน 5 ลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างแท้จริง
กัลโช่ เซเรีย อา ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นหนึ่งในห้าลีกฟุตบอลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกมาโดยตลอด การจัดอันดับจากสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) ยืนยันถึงคุณภาพและความสามารถในการแข่งขันของสโมสรจากอิตาลีในเวทีระดับยุโรป ไม่ว่าจะเป็นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หรือยูฟ่ายูโรปาลีก ทีมจากเซเรีย อา มักจะไปได้ไกลและเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเสมอ
ฤดูกาล 2023/24 ทีมจากอิตาลีเข้าร่วมการแข่งขันสโมสรยุโรป 7 ทีม และมีทีมเข้ารอบน็อคเอาท์ 5 ทีม และได้แชมป์ ยูโรปา ลีก จาก อตาลันต้า ส่วน ฟิออเรนติน่า ได้รองแชมป์ คอนเฟอเรนซ์ ลีก ซึ่งก็ยังเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในรอบถัดมา และซีซั่นล่าสุดอินเตอร์ มิลานเพิ่งเข้าชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้ค่าสัมประสิทธิ์ของทีมจากอิตาลีเป็นอันดับ 2 เมื่อซีซั่นที่แล้ว และอันดับ 3 ในฤดูกาลล่าสุด
ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในอิตาลี มีเกมแท็กติกที่น่าติดตาม ทำให้ กัลโช่ เซเรีย อา เป็นหนึ่งในลีกชั้นนำของโลก แฟนลูกหนังตัวจริงจึงไม่ควรพลาดชมอย่างยิ่ง การได้ติดตามฟุตบอลอิตาลีไม่เพียงแต่จะได้เห็นเกมการแข่งขัน แต่ยังได้สัมผัสกับจิตวิญญาณและความหลงใหลในฟุตบอลอย่างแท้จริงอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง