คลังส่งข้อเสนอสุดท้ายถึงสหรัฐวันนี้ คาดภาษีใกล้เคียงประเทศคู่ค้า
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการเจรจาภาษี Reciprocal Tariffs กับสหรัฐอเมริกา ว่า ทีมไทยแลนด์ได้มีการติดต่อกับสหรัฐฯ มาโดยตลอด ซึ่งวานนี้ (29 ก.ค.68) ได้มีการตอบข้อเสนอไปแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการแก้ไขบางส่วนซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คาดว่าจะมีการส่งข้อเสนอเพิ่มเติมอีกครั้ง
เมื่อถามว่าจะมีการขยายเวลาการเจรจาหลังวันที่ 1 ส.ค. หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะมีโอกาสขยายเวลาหรือไม่ และคิดว่าวันนี้จะเป็นการส่งข้อเสนอที่ไฟนอลแล้ว
"เราก็ต้องทำในสิ่งที่เราคิดว่าเราเป็นไปได้ ถึงแม้ว่ามันจะยากลำบากในบางเรื่อง และเนื่องจากเหลือเวลาเพียง 2 วัน ทีมงานจึงต้องเร่งทำงานกันตลอดคืนเพื่อให้ทันตามกำหนด โดยคาดว่าการส่งข้อเสนอครั้งนี้คงจะเป็นการสรุปขั้นสุดท้ายแล้ว“
ในส่วนของการยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมนั้น นายพิชัยกล่าวว่า จะกลับมาทบทวนข้อมูลอีกครั้งในช่วงเย็นวันนี้
เมื่อถามว่าเรื่องที่ยังมีการปะทะกันระหว่างชายแดนไทยกับกัมพูชาอยู่ แม้จะบรรลุการเจรจาหยุดยิงระหว่าง 2 ประเทศแล้ว ส่งผลกับการเจรจาภาษีหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า มองว่าเป็นธรรมชาติของเจรจาหยุดยิง และไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาภาษี เพราะไม่มีการสั่งหยุดเจรจาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ปรับประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจ (GDP) ทั้งปี 2568 ขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.1% เมื่อ 3 เดือนก่อน อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นนี้ไม่สูงมากนัก เนื่องจากมีการประเมินปัจจัยเรื่อง การท่องเที่ยวที่คาดว่าจะลดลง ขณะที่การส่งออกยังคงต้องติดตามผลในช่วง 6 เดือนหลังของปี หลังจากช่วง 6 เดือนแรกยังคงขยายตัวได้ดี
ส่วนปัญหาชายแดนไทยกับกัมพูชานั้น มีผลต่อเศรษฐกิจอยู่บ้าง แต่เมื่อรัฐบาลมีการดำเนินมาตรการเยียวยาก็จะมีงบประมาณที่จะไปลงในนส่วนของการซ่อมแซมที่สามารถเข้าไปทดแทนได้
ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การประมาณการเศรษฐกิจไทยโต 2.2% ได้รวมสมติฐานภายใต้นโยบายภาษีสหรัฐฯ แล้ว โดยประเมินว่าไทยจะได้รับข้อตกลงช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ มองว่าเป็นช่วงที่อยู่ระหว่าง อัตราภาษี 15-36%
ทั้งนี้ จากข้อเสนอที่ไทยได้มีการปรับปรุงใหม่แล้ว ซึ่งข้อเสนอเราอยู่ในทิศทางที่ดี เกิดประโยชน์กับประเทศคู่ค้า และประเทศไทยด้วย จึงคาดว่าทิศทางของอัตราภาษีไทยจะอยู่ระดับเดียวกันกับประเทศคู่ค้า
อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจ คือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ และพบว่า แนวคิดเรื่องอัตราภาษีสหรัฐนั้น เมื่อมีการเจรจาร่วมกันแล้ว ทั้งหมดจะได้รับการผ่อนปรนในอัตราที่ใกล้เคียงกัน ฉะนั้น ประมาณการของไทยก็อยู่ในทิศทางที่สากลประมาณการเช่นเดียวกัน
“เราได้รับการตอกย้ำจาก IMF ที่มองว่าเศรษฐกิจโลก ขยายตัวเป็น 3% เพราะมาตรการภาษีสหรัฐที่เกิดขึ้นไม่ได้ขยับไปที่เพดานสูงสุด เราจึงมองว่าอัตราภาษีของไทยก็จะอยู่ในระดับทิศทางเดียวกันกับประเทศคู่ค้าอื่น และ IMF ก็ปรับเพิ่มจีดีพีไทย เป็น 2%”