เคล็ดลับดูพระสมเด็จฯ แท้ ตามแนวทางตรียัมปวาย
หนังสือปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง เล่มที่ 2 “พระนางพญาและพระเครื่องสำคัญจังหวัดพิษณุโลก” ของตรียัมปวาย พิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2497 ได้ให้แนวทางในการศึกษาพระเครื่องไว้อย่างน่าสนใจหลายประการด้วยกันดังนี้
เคล็ดลับในการศึกษาพระเครื่อง ก็คือ “จงทำความเข้าใจในหลักทฤษฎี และใช้หลักทฤษฎีนั้นๆ ฝึกหาความชำนาญจากการปฏิบัติ ด้วยการหาโอกาสพิจารณาพระเครื่องมากๆ ทั้งของจริงและของปลอม …”
“พระเครื่องฯ ของแท้ด้วยกัน แต่เป็นพระเครื่องคนละชนิด ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่นพระเครื่องสกุลนางพญาอื่นๆ ที่ไม่ใช่พระนางพญาเป็นต้น พิจารณาได้ง่าย เพราะลักษณะไม่เหมือนพระนางพญาทีเดียวนัก แต่ถ้าเป็นพระเครื่องชนิดปลอม ที่คนทำพยายามทำให้เหมือนของจริงแล้ว พิจารณาได้ยากกว่ามาก …”
“สมมติว่า ท่านมีพระเครื่องฯอยู่องค์หนึ่ง ซึ่งเป็นเนื้อดินเผา และกรอบสามเหลี่ยม ซึ่งชวนให้เข้าใจว่าเป็นพระนางพญา การที่ท่านจะพิจารณาว่าเป็นพระนางพญาหรือไม่นั้น ท่านจะต้องแยกปัญหาออกเป็น 2 ประการ คือ …
1. พระเครื่องฯองค์นั้น เป็น ของแท้ หรือ ของปลอม
2. ถ้าพระเครื่องฯ องค์นั้นเป็นของแท้ ท่านก็จะต้องพิจารณาว่ารูปลักษณะ เนื้อและรายละเอียดต่างๆ ตรงกับลักษณะของพระนางพญาหรือเปล่า ถ้าตรงกันก็ถือว่าเป็นพระนางพญา ถ้าไม่ตรงกัน ก็จะต้องถือว่า เป็นพระเครื่องชนิดอื่น ซึ่งไม่ใช่พระนางพญา”
“ศาสตร์แห่งพระสมเด็จ” เห็นว่า หลักการของตรียัมปวายที่กล่าวมาข้างต้นนั้น สามารถนำมาใช้ในการพิจารณาพระสมเด็จฯของท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ได้เช่นเดียวกัน โดยหลักการสำคัญคือต้องมีการแยกแยะให้ออกว่า “พระเครื่องฯ” ที่กำลังพิจารณานั้นเป็นของ“ของแท้” หรือ“ของปลอม”
นิยามของคำว่าของ “ของปลอม” ในที่นี้นั้น หมายถึงของที่มีการตั้งใจทำเลียนแบบขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้พบเห็นเข้าใจผิดว่าเป็น “ของแท้” ที่เป็นพระต้นแบบของการทำเลียนแบบนั้น
ส่วนคำว่า“ของแท้” ในที่นี้นั้น หมายถึงของที่ทำขึ้นมาโดยมิได้มีเจตนาที่จะทำเลียนแบบของสิ่งอื่น โดยมีเจตนาเพื่อให้ผู้อื่นสำคัญผิดว่าเป็นของสิ่งนั้น
พระสมเด็จวัดระฆังฯที่สร้างขึ้นโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตนั้นเป็นพระเครื่องที่ลักษณะเฉพาะตัวสูง ทั้งในด้านของพิมพ์ทรงและเนื้อหามวลสาร อย่างไรก็ตาม พระเครื่องฯที่มีความคล้ายคลึงกับพระสมเด็จฯของท่านเจ้าประคุณฯ นั้นมีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย โดยมีทั้งแบบที่ผู้สร้างมีเจตนาทำขึ้นมาให้เหมือนกับพระสมเด็จฯของท่านเจ้าประคุณฯ เพื่อวัตถุประสงค์อะไรก็แล้วแต่ พระกลุ่มนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น“ของปลอม” หรือ “ของเลียนแบบ” แต่ก็มีพระเครื่องฯอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลในเรื่องของพิมพ์ทรงหรือเนื้อหามวลสาร มาจากพระสมเด็จฯของท่านเจ้าประคุณฯ สร้างโดยพระเกจิอาจารย์ในยุคต่อมา โดยบางรูปยังเป็นศิษย์ของท่านเจ้าประคุณฯอีกด้วย มีข้อสังเกตว่าพระเครื่องในกลุ่มนี้ ในบางพิมพ์ทรงนั้น ถึงแม้ว่าจะมีความคล้ายกับพระสมเด็จฯของท่านเจ้าประคุณฯ แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปนักที่จะแยกแยะให้เห็นถึงความแตกต่าง อาจจะเป็นไปได้ว่าพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงศีลเหล่านี้ เมื่อท่านสร้างพระเครื่องของท่านขึ้นมา ย่อมไม่ต้องการให้ผู้ใดเข้าใจผิดไปว่าพระเครื่องของท่านเป็นพระสมเด็จฯของท่านเจ้าประคุณฯเป็นแน่แท้ ยิ่งบางรูปที่เป็นศิษย์ของท่านเจ้าประคุณฯด้วยแล้ว ท่านย่อมไม่สร้างพระเครื่องฯให้เหมือนกับพระเครื่องฯของอาจารย์ของท่านอย่างแน่นอน พระในกลุ่มนี้นั้นถือว่าเป็น “พระแท้” เช่นกัน และนอกจากนี้ยังปรากฏพระเครื่องบางพิมพ์ทรง ที่ไม่สามารถสืบทราบที่มาที่ไป ว่าเป็นพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ท่านใดสร้าง แต่ก็ต้องถือว่าเป็นพระแท้เช่นเดียวกัน
พระเครื่องตระกูลสมเด็จฯ
ตรียัมปวาย ยังได้พูดถึงพระเครื่องตระกูลสมเด็จฯ ไว้เช่นเดียวกัน โดยบอกว่า นอกจากพระสมเด็จฯของท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตแล้ว ยังมีพระเครื่องฯของพระเกจิอาจารย์อื่นๆอีก ซึ่งมีลักษณะบางประการทำนองคล้ายพระสมเด็จฯ เช่นเป็นพระที่มีกรอบสี่เหลี่ยมหรือสร้างด้วยวัสดุปูนปั้นเช่นเดียวกัน ซึ่งเรียกว่า พระเครื่องฯสกุลสมเด็จฯ โดยตรียัมปวายได้นำมาอธิบายไว้ทั้งสิ้น 18 ชนิด สรุปได้ดังนี้
- พระสมเด็จอรหัง สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราช สุก “ญาณสังวร” (สังฆราชไก่เถื่อน) เมื่อปี พ.ศ. 2363 ที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ สมัยที่ทรงครองอารามนี้เพียงปีเศษก็สิ้นพระชนม์ ส่วนใหญ่มิได้บรรจุกรุ นอกจากบางส่วนที่มีผู้นำมาบรรจุไว้ ณ กรุวัดสร้อยทอง นนทบุรีในภายหลัง อาจารย์ประจำ อู่อรุณ ให้ข้อมูลว่า พระสมเด็จอรหังของวัดสร้อยทองนั้น ด้านหลังเป็นรอยประทับตราอักขระขอม น่าจะทำทีหลังพระสมเด็จอรหัง ประเภทเนื้อขาวที่เป็นการเขียนอักขระขอมด้านหลัง พระชนิดนี้หายาก รวมแล้วมีไม่เกิน 10,000 องค์
- พระสมเด็จวัดพลับ กรุงเทพฯ สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราช สุก “ญาณสังวร” (สังฆราชไก่เถื่อน) ในสมัยที่ยังเป็นพระญาณสังวรเถระครองวัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) สร้างประมาณปี พ.ศ.2362 ก่อนพระสมเด็จอรหัง 1 ปี และก่อนพระสมเด็จฯ วัดระฆังฯ 48 ปีโดยประมาณ เนื้อพระแก่ผงวิเศษมาก สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเป็นต้นตำรับผงวิเศษของกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าประคุณสมเด็จฯได้เป็นสานุศิษย์โดยใกล้ชิด พระสมเด็จวัดพลับ มีทั้งเนื้อหนึกแกร่งและเนื้อหนึกนุ่ม มีวรรณะขาวสดใสและขาวอมเหลืองหม่น
- พระวัดสามปลื้ม กรุงเทพฯ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) ต้นตระกูลสิงหเสนี เป็นผู้จัดการสร้าง โดยอาราธนาพระเกจิอาจารย์สำคัญในยุคนั้น มาทำพิธี เมื่อปี พ.ศ. 2363 ลักษณะของเนื้อพระเก่าแก่กว่าเนื้อพระสมเด็จฯมาก องค์ที่แตกหักเป็นผง จะได้กลิ่นหอมเย็นคล้ายเกษรดอกไม้หรือแป้งร่ำโบราณ พระกรุนี้พุทธศิลป์เป็นแบบสกุลช่างปลายอยุธยาหรือต้นรัตนโกสินทร์อย่างเห็นได้ชัด
- พระสมเด็จปิลันทน์ สร้างโดยหม่อมเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัด เสนีวงศ์) สมัยดำรงสมณศักดิ์ที่หม่อมเจ้าพระพุทธุปบาทปิลันทน์ วัดระฆังฯ กรุงเทพฯ ทรงเป็นศิษย์เอกของท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต สร้างเมื่อปี พ.ศ.2411 หลังจากท่านเจ้าประคุณฯสร้างพระสมเด็จฯได้ 2 ปี โดยได้อาราธนาท่านเจ้าประคุณฯร่วมสร้างด้วย และขอผงวิเศษ 5 ประการของท่านเจ้าประคุณฯมาเป็นอิทธิวัตถุผสมเป็นหลักของมวลสาร โดยทั่วไปเป็นเนื้อผงหินชนวน วรรณะเทาคล้ำหรือเทาแกมน้ำตาลหม่น เนื้อผงใบลานเผา วรรณะดำ และเนื้อปูนปั้น วรรณะขาวนวลหม่น มีคราบกรุและฝ้ากรุปรากฏให้เห็น
- พระวัดเงินคลองเตย กรุงเทพฯ วัดเงินเป็นพระอารามโบราณแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา พระเครื่องฯวัดเงิน โดยพุทธศิลป์และทัศนียะ จัดเป็นพระยุครัตนโกสินทร์ อายุการสร้างไม่เกินพระสมเด็จฯวัดพลับ หรือพระวัดสามปลื้ม บางพิมพ์สร้างขึ้นตามอิทธิพลของสกุลช่างอยุธยาตอนปลาย เป็นพระเนื้อปูนปั้นชนิดเดียว วรรณะขาวอมเหลืองค่อนข้างสด เนื้อค่อนข้างฝ่อฟ่าม ขาดความแกร่ง ส่วนมากปรากฏคราบกรุวรรณะน้ำตาลไหม้อ่อนจับเนื้อพระแน่นหนา อาจารย์ประกิต หลิมสกุล หรือ พลายชุมพล แห่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ให้ข้อมูลว่าที่ตั้งเดิมของวัดเงินคลองเตย ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของท่าเรือกรุงเทพฯ
- พระวัดท้ายตลาด วัดโมลีโลกยาราม กรุงเทพฯ เป็นวัดเดิมแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา มีนามเดิมว่า วัดท้ายตลาด พระวัดท้ายตลาด สร้างโดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) ประมาณ พ.ศ. 2300 เศษ เป็นพระเนื้อผงคล้ายพระสมเด็จปิลันทน์ แต่วรรณะเขียวคล้ำนวล มีคราบกรุขาวจับเนื้อหนาและบางต่างๆกันไป
- พระวัดอื่นๆเช่น พระวัดอัมพวา กรุงเทพฯ, พระวัดรังษีสุทธาวาส กรุงเทพฯ, พระมฤคทายวัน จ.เพชรบุรี, พระวัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) กรุงเทพฯ, พระวัดราชนัดดา, พระหลวงพ่อหม่น จ.ปทุมธานี, พระวัดเฉลิมพระเกียรติ จ.นนทบุรี, พระวัดพระยาสุเรนทร์ กรุงเทพฯ, พระหลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร กรุงเทพฯ, พระของพระครูสังฆบวร วัดบวรนิเวศฯ กรุงเทพฯ, พระเจ้าคุณพรหมฯ วัดกัลยาณมิตร กรุงเทพฯ, พระหลวงปู่ปั้น วัดประชาระบือธรรม กรุงเทพฯ เป็นต้น
บทส่งท้าย
ตรียัมปวายได้สรุปประเด็นที่สำคัญมากไว้ว่า พระที่ตั้งใจปลอมให้เหมือนนั้น พิจารณาแยกแยะได้ยากกว่าพระแท้ที่มีความคล้ายกับพระสมเด็จฯ ของท่านเจ้าประคุณฯ โดยในเรื่องนี้นั้น ตรียัมปวายยังได้ให้คำแนะนำถึงแนวทางในการพิจารณาพระปลอมบางประเภท โดยอธิบายไว้ในเรื่องการดูพระนางพญา ซึ่งสามารถนำมาเทียบเคียงกับการพิจารณาพระสมเด็จฯ ได้ว่า “พระเครื่องฯ องค์ใดที่มีลักษณะภายนอก ตลอดจนรายละเอียดต่างๆ เช่นเดียวกับพระนางพญา แต่ฝีมือหยาบกว่า หรือปรากฏว่ามีรอยแกะ รอยขุดหรือเซาะ เช่นนี้ เป็นของปลอม ซึ่งผู้ปลอมได้ใช้พระเครื่องฯ เนื้อดินเผาชนิดอื่นๆ หรืออิฐเก่าฯ มาแกะเป็นพระนางพญาปลอมขึ้น (มีผู้ทำปลอมพระสมเด็จฯ โดยวิธีนี้เช่นกัน โดยใช้พระเครื่องสกุลสมเด็จฯ ดังที่กล่าวข้างต้นบางชนิดที่มีเนื้อใกล้เคียงกับพระสมเด็จฯ มาทำ) หรือชนิดเนื้อกระด้าง ขาดความหนึกและความซึ้งเหล่านี้ ก็พิจารณาได้ทันทีว่าเป็นของปลอม ซึ่งผสมเนื้อทำเทียมขึ้นใหม่เป็นต้น”
การปลอมพระสมเด็จฯ ในปัจจุบันนั้น ยังมีอีกหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตามถ้าใช้วิธีพิจารณาพระเครื่องฯ ตามแนวทางของตรียัมปวายแล้ว ผู้พิจารณาต้องมีความรู้เป็นเบื้องต้นก่อนว่า พระเครื่องฯ นั้นๆ เป็นพระของสำนักไหน ซึ่งมาจากการศึกษาหาความรู้เรื่องพระเครื่องในเชิงกว้าง จากนั้นจึงพิจารณาว่าเป็นของแท้หรือของปลอม ซึ่งเป็นการศึกษาในเชิงลึกซึ่งต้องผ่านการเห็นทั้งของแท้และของปลอมมาเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการศึกษาพระเครื่องในปัจจุบันนั้นมีการนำศาสตร์สมัยใหม่ๆ เข้ามาใช้ จึงอาจจะทำให้มีการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่สามารถนำมาช่วยในการพิจารณาพระเครื่องให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นได้ โดยเฉพาะพระเครื่องฯ บางชนิดบางพิมพ์ทรงที่ค่อนข้างพิจารณาได้ยากว่าเป็นของแท้หรือของปลอม
ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่เพจ พระสมเด็จศาสตร์ โดย พ.ต.ต.คมสัน สนองพงษ์ และขอขอบคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ ที่กรุณาเอื้อเฟื้อรูป พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมองค์ครู เพื่อให้ความรู้ และขอขอบคุณท่านเจ้าของพระท่านปัจจุบัน พระองค์นี้เป็นพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิแบบไม่มีหู ที่งดงามมากองค์หนึ่ง (พระพิมพ์สังฆาฏิเป็นพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมพิมพ์ที่พบมากที่สุด พอๆ กับพิมพ์เส้นด้าย) มีขี้กรุหนาปกคลุมทั้งด้านหน้าและด้านหลังองค์พระ มีวรรณะขาวอมเหลือง พิมพ์ทรงถูกต้องตามตำรา มีความคมชัดงดงามมาก ไม่ปรากฏขอบปลิ้นชัดเจนนัก ซึ่งขอบปลิ้นมักจะพบในพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม (มีความเป็นไปได้ว่ากดพระจากแม่พิมพ์ที่ทำจากหินสบู่ สังเกตจากรอยจงอยปากนกบริเวณขอบมุมล่างขวาองค์พระของฐานชั้นล่างสุด มีวิธีการสร้างใกล้เคียงพระสมเด็จวัดระฆังฯ ที่ไม่มีขอบปลิ้น) เส้นกรอบบังคับพิมพ์ด้านบนนูนขึ้น น่าจะเกิดจากการเซาะร่องลึกกว่าปกติของแม่พิมพ์ ด้านหลังเป็นแบบหลังเรียบ มีก้อนพระธาตุขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นด้านหลังค่อนมาด้านบนจากการที่ผิวเปิดเป็นร่อง ตัดขอบพอดีสามด้านยกเว้นด้านขวาองค์พระที่ตัดเลยกรอบบังคับพิมพ์มาค่อนข้างมาก เป็นองค์ต้นแบบที่ดีเพื่อใช้ในการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม
ผู้เขียน พ.ต.ต.คมสัน สนองพงษ์ อดีตตำรวจพิสูจน์หลักฐาน
เพจเฟสบุ๊ค – พระสมเด็จศาสตร์
อ่านคอลัมน์ ศาสตร์แห่งพระสมเด็จ เพิ่มเติม
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เคล็ดลับดูพระสมเด็จฯ แท้ ตามแนวทางตรียัมปวาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กำเนิดพระสมเด็จวัดระฆังฯ
- พระนาคปรกใบมะขาม เนื้อทองแดงและกะไหล่ทอง วัดกัลยาณมิตร 3.5 แสน
- พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง กรุวัดนางพญา ป๋องสุพรรณการันตี ราคาสูง 5.8 ล้าน
- พระสมเด็จฯพิมพ์โบราณ ตามตำราตรียัมปวาย
- ลายแทงพระสมเด็จฯ ตามรอยขรัวโต
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath