TISCO โบรกมองต่างมุม หลังแจ้งผลงานไตรมาส 2/68
#tisco #ทันหุ้น - การซื้อขายหุ้นของบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO วันที่ 16 ก.ค.68 ราคาเคลื่อนไหวในช่วง 97.75-99.00 บาท ก่อนปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ 98.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือลดลง 1.01% มูลค่าการซื้อขาย 303.36 ล้านบาท
.
โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นกลาง ให้คำแนะนำ “ถือ” 13 ราย ให้คำแนะนำ “ซื้อ” และ “ขาย” อย่างละ 2 รายเท่ากัน โดยโบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสมในช่วง 83.00-109 บาท ค่ากลางอยู่ที่ 100 บาท
.
บล.บัวหลวงคาดกำไรลดลงในครึ่งหลังของปี 2568
บล.บัวหลวงระบุว่า TISCO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ที่ 1.6 พันล้านบาท ลดลง 6% YoY และทรงตัว QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่บล.บัวหลวงคาด (แต่มากกว่าตลาดคาด 6%) กำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรองอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY และ 7% QoQ กำไรสุทธิในครึ่งแรกของปี 2568 คิดเป็น 52% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 6.3 พันล้านบาท
บล.บัวหลวงประมาณการกำไรสุทธิจะลดลง YoY และ QoQ สำหรับไตรมาส 3/2568 เนื่องจาก NIM ที่ลดลงและอัตราการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่เพิ่มขึ้น
บล.บัวหลวงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 6.3 พันล้านบาท ลดลง 9% YoY เนื่องจากอัตราการตั้งสำรองหนี้ฯ สูงขึ้น
PER ปี 2568 ของ TISCO อยู่ที่ 12.7 เท่า โดย PBV ณ สิ้นปี 2568 อยู่ที่ 1.8 เท่า และ ROE ปี 2568 อยู่ที่ 14.4% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน PBV/ROE ที่ 0.126 เท่า โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นกลุ่มธนาคารที่บล.บัวหลวงให้คำแนะนำที่ 0.088 เท่าอยู่มาก บล.บัวหลวงยังคงคำแนะนำ “ขาย” โดยหุ้นในกลุ่มธนาคาร บล.บัวหลวงชอบ BBL และ KTB มากกว่า
.
บล.กสิกรไทยระบุว่า ส่วนต่างกำไรในการรองรับ DPS ลดลง
บล.กสิกรไทยปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" และปรับลดราคาเหมาะสมเหลือ 83 บาท จาก 94 บาท เนื่องจากบล.กสิกรไทยเชื่อว่าเงินปันผลต่อหุ้นที่ระดับ 7.75 บาทมีส่วนต่างกำไรที่รองรับค่อนข้างเบาบาง บล.กสิกรไทยคาดว่ากำไรครึ่งปีหลัง 2568 จะลดลงเล็กน้อย HoH จาก credit cost ที่สูงขึ้น และ non-NII ที่ลดลง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยน่าจะเป็นผลดีต่อต้นทุนเงินทุน แต่การเติบโตของสินเชื่อน่าจะชะลอตัวในครึ่งปีหลัง 2568
บล.กสิกรไทยปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-2570 ลง 2-3% เพื่อสะท้อน credit cost ที่สูงขึ้นและสมมติฐาน non-NII ที่ต่ำลง ซึ่งได้รับการชดเชยบางส่วนจากแนวโน้ม CIR ที่ลดลง
.
บล.ดาโอระบุว่า กำไรไตรมาส 2/68 ลดลงทั้ง YoY/QoQ จากสำรองฯ เพิ่มตามคาด
บล.ดาโอยังคงคำแนะนำ "ถือ" TISCO และราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 94.00 บาท อิง 2568 PBV ที่ 1.75 เท่า (+0.50SD เหนือค่าเฉลี่ย 10 ปีของ PBV) โดยบล.ดาโอมองเป็นกลางทั้งจากกำไรไตรมาส 2/68 ที่ตามคาด และการประชุมนักวิเคราะห์ที่เป้าหมายโดยรวมยังใกล้เคียงคาด โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.64 พันล้านบาท (-6% YoY, ทรงตัว QoQ) จาก NIM ที่ดีกว่าคาด แต่มีสำรองฯ ที่สูงกว่าคาด ด้าน NPL อยู่ที่ 2.41% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนที่ 2.42% แต่มูลค่า NPL เพิ่มขึ้น +1% จากจำนำทะเบียนรถและสินเชื่อเช่าซื้อ
ทั้งนี้ ผู้บริหารคาดว่า
- NIM ใน ครึ่งปีหลัง 2568 จะฟื้นตัวได้จากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยลดลง และโครงการ “คุณสู้เราช่วย” มีผลกระทบไปหมดแล้วใน ครึ่งปีแรก 2568
- สินเชื่อ ครึ่งปีหลัง 2568 จะเน้นที่ Low risk และ Low yield เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยจะเน้นสินเชื่อรายใหญ่ และจะกลับมารุกสินเชื่อเช่าซื้อมากขึ้น
- โครงการ “คุณสู้เราช่วย” เฟส 2 น่าจะเห็นลูกหนี้ที่เข้าเพิ่มได้อีกไม่เกิน 1 พันล้านบาท จาก ไตรมาส 2/68 ที่เข้ามาแล้ว 4 พันล้านบาท โดยผู้บริหารคาดว่าเมื่อครบกำหนด 3 ปี จะมีผลขาดทุนต่องบกำไรขาดทุน เพราะมีลูกหนี้บางส่วนเกิด Moral hazard ขณะที่คาดว่า Best case คือเท่าทุน
กำไรสุทธิ ครึ่งปีแรก 2568 คิดเป็น 51% ของประมาณการทั้งปี ทำให้บล.ดาโอยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท ลดลง -7% YoY จากสำรองฯ ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่บล.ดาโอคาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/68 มีโอกาสที่จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ ต่อจากสำรองฯ ที่จะเพิ่มขึ้นตามสินเชื่อผลตอบแทนสูงที่เพิ่มขึ้น
ราคาหุ้นลดลง -3% และ -2% ช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET ตามสภาวะตลาดหุ้น ขณะที่ TISCO ยังยืนยันที่จะจ่ายปันผลในระดับสูงอย่างต่อเนื่องแม้ว่าแนวโน้มกำไรจะลดลง ทั้งนี้บล.ดาโอคาดว่า TISCO จะยังคงเป็นหุ้นที่มี Dividend yield สูงถึงระดับราว 8% (จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง โดยจะ XD ช่วงเดือน ก.ย. และ เม.ย.)
.
บล.พายมองว่า TISCO มีเงินปันผลสูงชดเชยการเติบโตที่อ่อนแอ
บล.พายคงคำแนะนำ "ถือ" และปรับมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้นเป็น 102 บาท (จาก 100 บาท) คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 15.5%, Terminal growth 2%) อิง 1.9 เท่า PBV ปี 2568 หรือ +0.5SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี (2558-2567)
ด้านกำไรสุทธิใน ไตรมาส 2/68 ออกมาดีกว่าที่ 1.64 พันล้านบาท (-6% YoY, ทรงตัว QoQ) แม้มีมุมมองบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568-2570 ดีขึ้น แต่คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2568 จะปรับลดลงต่อเนื่อง 4% YoY และมองว่าแนวโน้มกำไรใน ครึ่งปีหลัง 2568 จะทรงตัว HoH แต่จะปรับลดลง YoY เพราะสำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่ากำไรจะกลับมาขยายตัว 3.9% ในปี 2569 และ ROE กลับมาขยายตัว
อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวใน ครึ่งปีหลัง 2568 ยังเป็นความท้าทายต่อการเติบโตในอนาคต และคุณภาพสินเชื่อ แต่คาดว่าผลตอบแทนเงินปันผลสูง 7.8% ในปี 2568 จะจำกัดความเสี่ยงราคาหุ้นผันผวนได้