ทีม ก.พาณิชย์ ลงพื้นที่ จ.สกลนคร พบเกษตรกร ผู้ประกอบการ โคนม โคเนื้อ สร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพิ่มช่องทางการตลาด
กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)ลงพื้นที่จังหวัดสกลนคร พบเกษตรกร และผู้ประกอบการ โคนม อำเภอวาริชภูมิ และ แหล่งโคขุนโพนยางคำ สร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพิ่มช่องทางการตลาดส่งเสริมการบริโภคในประเทศ ช่วยสร้างรายได้เกษตรกรไทย
วันที่ 26 และ 27 มิถุนายน 2568 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ นำทีม ลงพื้นที่จังหวัดสกลนคร โดยมี พาณิชย์จังหวัดสกลนคร ปศุสัตว์จังหวัดสกลนคร ร่วมพบปะเกษตรกร ผู้ประกอบการด้านการผลิตโคนมและโคเนื้อ ของจังหวัดสกลนคร โดยเยี่ยมชมกระบวนการเลี้ยงโคนมและการผลิตนมของสหกรณ์โคนมวาริชภูมิ จำกัด อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็น โครงการพระราชดำริ ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 300 คน มีโคนมประมาณ 1,000 ตัว ดำเนินธุรกิจหลักคือ รวบรวมและแปรรูปน้ำนม การจัดการน้ำนมดิบ ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาปริมาณน้ำนมล้นตลาด โดยรับซื้อน้ำนมดิบจากสมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม และจำหน่ายน้ำนมดิบบางส่วนให้ผู้ผลิตนมรายอื่น รวมทั้งนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของสหกรณ์ฯ เอง ทั้งนมพาสเจอร์ไรซ์ (นมโรงเรียน) และนมยูเอชที (ทั้งนมโรงเรียน และนมพาณิชย์) ภายใต้ตราวาริช นมโคแท้ 100% สินค้า OTOP ท้องถิ่น เอกลักษณ์ของอำเภอวาริชภูมิ
นอกจากนี้ คณะยังได้พบปะเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุน จิราภา ฟาร์ม หนึ่งในสมาชิกของสหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป.กลาง โพนยางคำ จำกัด ที่ตำบลเหล่าปอแดง เพื่อพูดคุย สอบถามแนวทางการเลี้ยง ต้นทุน รายได้ ตลอดจนปัญหาที่พบ และ เยี่ยมชมสหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป.กลาง โพนยางคำ จำกัด (สหกรณ์โพนยางคำ) โดยมีนางสมร ภูผาศรี ผุ้ประสานงานสหกรณ์ฯ ร่วมให้ข้อมูล โดยมีสมาชิกกว่า 6,000 ราย ที่นี่เป็นแหล่งผลิตเนื้อโคขุนพรีเมียมของไทย “เนื้อโคขุนโพนยางคำ” หรือ Thai-French Beef เนื้อโคขุนโพนยางคำ เป็นเนื้อโคขุนคุณภาพสูง ผลิตจากโคเนื้อลูกผสมไทย-ฝรั่งเศส ผ่านกระบวนการเลี้ยง แปรสภาพ และตัดแต่งอย่างถูกสุขลักษณะตามมาตรฐานสากล และได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (สินค้า GI) ของดีจังหวัดสกลนคร มีจุดเด่นคือ เนื้อมีสีแดงสดใส มีไขมันแทรกในเนื้อ เนื้อนุ่ม ไม่มีกลิ่นสาบ และมีรสชาติดี ทั้งนี้ ในปี 2567 สหกรณ์โพนยางคำมีการรับซื้อโคขุนจากเกษตรกรเพื่อชำแหละและแปรรูปจำหน่าย 6,311 ตัว คิดเป็นมูลค่า 516.02 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ซึ่งชำแหละโคขุนปริมาณรวม 7,762 ตัว คิดเป็นมูลค่า 670.87 ล้านบาท หรือลดลงจำนวน 1,451 ตัว อีกทั้งยังมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มมูลค่า อาทิ ไส้กรอกเนื้อโคขุนโพนยางคำ เนื้อโคขุนแดดเดียว และส้มตีนวัวโคขุนโพนยางคำ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่า เกษตรกร และผู้ประกอบการ ทั้งที่สหกรณ์โคนมวาริชภูมิ จำกัด และ สหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป.กลาง โพนยางคำ จำกัด พบว่า การเลี้ยงโคนม โคเนื้อ ต่างก็มีผลกระทบที่แตกต่างกัน โดยโคนม เกษตรกรรายย่อยหลายรายที่ไม่สามารถแข่งขันได้และต้องเลิกเลี้ยงไป ซึ่งเป็นการปรับตัวตามกลไกตลาด ขณะที่ เนื้อโคขุนโพนยางคำ มีการแข่งขันกับเนื้อนำเข้าที่มีราคาใกล้เคียงกัน รวมทั้งการแข่งขันกับเนื้อโคขุนคุณภาพดีจากแหล่งอื่น ๆ ในประเทศไทย ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อเนื้อโคอื่น ๆ ซึ่งเป็นสินค้าทดแทน ขณะที่เกษตรกรยังมีต้นทุนการผลิตที่สูง ดังนั้น การส่งเสริมการบริโภคเนื้อและผลิตภัณฑ์โคขุนที่ผลิตในประเทศไทย และการผลักดันการส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมโคเนื้อไทย
ทั้งนี้ ในด้านการตลาด ต้องการให้คนไทยหันมาบริโภคเนื้อโคที่ผลิตในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมโคนม โคเนื้อของไทยมีความเข้มแข็ง สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชนในพื้นที่ อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศ นอกจากนี้ เกษตรกรและผู้ประกอบการก็ต้องรักษาคุณภาพและมาตรฐาน รวมทั้งเอกลักษณ์ของเนื้อโคขุนไทย เพื่อตอกย้ำความแตกต่างจากเนื้อคู่แข่ง และให้ความสำคัญกับขยายช่องทางจำหน่ายและรักษาเครือข่ายธุรกิจในลักษณะ B2B (Business-to-Business) เพื่อส่งเนื้อโคขุนสำหรับใช้แปรรูปให้กับโรงแรมและร้านอาหารชั้นนำทั่วประเทศ