ออฟโรด เปิดเส้นทางต่อสู้ จากวันไม่มีเงินซื้อไก่ทอด สู่การเป็นเสาหลักครอบครัว
กลั้นน้ำตาไม่อยู่! ออฟโรด ไม่ยอมแพ้โชคชะตา เปิดเส้นทางต่อสู้ จากวันไม่มีเงินซื้อไก่ทอด สู่การเป็นเสาหลักครอบครัว ภูมิใจได้เติมเต็มวัยเด็กที่ไม่เคยมี
เปิดใจเล่าเส้นทางชีวิตและการต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้โชคชะตาผ่านวันบันเทิง สำหรับนักแสดงหนุ่ม ออฟโรด กันตภณ จินดาทวีผล จากวันที่ไม่มีแม้เงินซื้อไก่ทอด สู่การเป็นเสาหลักครอบครัว เผยสิ่งที่ภาคภูมิใจในวันที่พาคุณพ่อและคุณแม่เลือกซื้อสิ่งที่ท่านต้องการ งานนี้เมื่อเจ้าตัวนึกย้อนถึงวัยเด็กถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ไหว
โดย หนุ่มออฟโรด เล่าถึงการตัดสินใจเข้าสู่วงการบันเทิงว่า “ที่บ้านผมค่อนข้างลำบากนิดนึง ไม่ค่อยมีฐานะทางการเงิน เราสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามา ผมเชื่อว่าโอกาสเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่ในเมื่อโอกาสมันมาแล้ว ผมสู้ทุกอย่าง ยอมหลุดจากเซฟโซน หลุดจากสิ่งที่เราไม่เคยทำ เพื่อโอกาสที่ทำให้ชีวิตและครอบครัวผมสบายขึ้น ตอนนั้นผมกลัวมาก ไม่อยากหลุดตัวเองมาจากเซฟโซน แต่ว่ามันคือโอกาส เราลองสู้ดู เรายังมีครอบครัวที่ต้องดูแล เลยต้องทำสิ่งนี้
นอกจากนี้นักแสดงหนุ่มยังบอกด้วยว่า พร้อมพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่เคยคิดว่าความไม่พร้อมในเรื่องฐานะจะเป็นอุปสรรคในการตามฝัน “ถ้าเราไม่มีทุนทรัพย์ตรงนั้นก็สู้ด้วยตัวเอง หาเอง ทำเอง ทุกวันนี้ทำงานได้เงินมาเราก็เอาเงินไปเรียน เราซัพพอร์ตตัวเองได้ ผมเรียนเยอะมาก เรียนร้อง เรียนเต้น เรียนการแสดง ถ้าลงได้อยากเรียนภาษาเพิ่มด้วย แต่ตอนนี้คิวแน่นจริงๆ”
“ในเมื่อตอนนี้เรามีโอกาสแล้ว มีกำลังทรัพย์มากพอแล้ว เราดูแลตัวเองได้ ผมไม่เคยกลับไปคิดน้อยใจว่าทำไมเราไม่มีสิ่งนี้ เพราะรู้สึกว่าไม่มีแล้วทำไม ทำไมเราไม่ทำเอง เพราะเขาก็สามารถดูแลเราได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว เรามีแรง เรามีสมอง เรามีความคิด ทำไมเราจะไม่ทำให้ตัวเองดีขึ้นได้ ผมเชื่อคำนี้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆ ไม่มีใครรู้จักเราดีเท่าตัวเราเองแล้ว เพราะฉะนั้นเรารู้หมดว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะกับเรา สิ่งที่จะทำให้เราได้ดีขึ้น เรารู้แต่แค่สิ่งนี้เราจะทำไหม”
นอกจากนี้ออฟโรด ยังเผยถึงความภูมิใจที่ได้เป็นเสาหลักในการดูแลครอบครัวว่า “ผมภูมิใจมากๆ ในวันที่เราไม่มีเงินเลย แต่เราอยากเลี้ยงพิซซ่า อยากพาครอบบครัวไปกินอาหารดีๆ วันนั้นเรามีความสุขแล้ว ในวันนี้เราซัพพอร์ตเขาได้มากขึ้น ซื้อเครื่องซักผ้าให้คุณแม่ คุณแม่นั่งซักมือจนมือเหี่ยวมือแห้ง”
“เตาแก๊สที่ใช้มาเกือบ 20 ปี ตั้งแต่ผมเกิดมาจนมันผุหมดแล้ว แอร์ก็ไม่มี นอนพัดลมร้อน ผมจำความรู้สึกได้ ร้อนจังเลย ผ้าห่มไม่มี ต้องไปเอาน้ำมาตบๆ แล้วเอาแป้งเย็นมาทาที่ตัว เพื่อที่จะทำให้ตัวเองนอนหลับ ทีวีคนอื่นเขามีจอ LED กันหมดแล้ว แต่ของผมเป็นแบบตู้ปลา ตบๆ ให้มันติด โทรศัพท์ก็เหมือนกัน ใช้แบบกดมานานแล้ว ในวันนี้เราสามารถซื้อสมาร์ทโฟนดีๆ ให้เขาได้”
จากนั้นหนุ่มออฟโรด เล่าต่อพร้อมน้ำตา “ผมดีใจครับ ผมพาเขาไปให้เลือกของเลย รู้สึกเหมือนมันย้อนกลับไปในวัยเด็กที่เราอยากได้ของเล่นแล้วชี้ว่า “ป๊า แม่ อยากได้ของเล่นชิ้นนี้นะ อยากได้จังเลย” แต่เขาไม่มีเงินซื้อให้เรา แต่วันนี้เราพาเขากลับไปแต่ว่าให้เขาเลือก เหมือนเราเป็นวัยเด็กวันนั้น ให้เขาเลือกบอกว่า “ป๊าเอาสิ แม่เอาสิ อยากได้ชิ้นไหน ป๊ากับแม่เลือกเลย” มันโคตรดีเลย นี่มันคือความสุขของการให้ แล้วมันคือความสุขจริงๆ”
เท่านั้นไม่พอ นักแสดงหนุ่ม ยังเปิดความฝันที่อยากมีบ้าน เพื่อเติมเต็มครอบครัวว่า “บ้านผมไม่เคยพร้อม คือบ้านผมไม่เคยเรียกว่าเป็นบ้านที่สมบูรณ์ เป็นบ้านที่พออยู่ได้ เพราะเราไม่มีเงิน แล้วเราต้องอยู่แบบนั้นผมอยากทำบ้านที่เป็นบ้านจริงๆ บ้านที่มันเสร็จจริงๆ นี่คือสิ่งที่ผมอยากทำ และมันเติมเต็มที่สุด”
ก่อนจะเล่าถึงกำลังใจชีวิตที่ทำให้ไม่ยอมแพ้ จากจุดเปลี่ยนที่ไม่มีเงินซื้อไก่ทอด โดยบอกว่า “ผมเคยเกือบหลงทางครับ ไม่เรียน บ้านผมอยู่หาดใหญ่ ดังมากคือไก่ทอดหาดใหญ่ ผมอยากกินไก่ทอดมาก ดมกลิ่น แล้วกลับไปกินไข่ เรากินได้แค่นี้ เรามีเงินแค่นี้”
“ดูเงินในกระเป๋าเรายังมีไม่ถึง 10 บาท ปีกไก่ชิ้นหนึ่งก็ 15-20 บาทแล้ว กินไม่ได้ ไปยืนอยู่หน้าร้านไก่แล้วก็ดมกลิ่น ดูคนซื้อแล้วจำความรู้สึกกลับไปกินข้าวที่บ้าน มันเลยเปลี่ยนมายด์เซ็ตผมใหม่ แล้วเราต้องทำตัวเองให้มีตังค์ซื้อไก่ให้ได้ ตั้งใจเรียน ทำตัวเองให้ดีขึ้น พาตัวเองไปหาโอกาส โอกาสเป็นสิ่งที่ให้ผมมาตลอด”
ท้ายสุดนักแสดงหนุ่มเปิดถึงคำนิยามที่อยากให้คนนึกถึง เมื่อพูดชื่อตัวเองว่า “ผมอยากนิยามตัวเองว่าเป็น ‘พลังงานบวก’ ผมอยากเป็นพลังบวกให้กับทุกคนให้ได้ ขนาดตัวเรายังไม่ชอบพลังลบจากคนอื่นเลย เพราะฉะนั้นแล้วเราจะพยายามทำตัวเองให้เป็นพลังบวก ผิดก็ขอโทษ”
“สมมติทะเลาะกันหรือทำให้เขาเสียความรู้สึก ขอโทษ มองในมุมเขาให้เยอะขึ้น แค่นั้นเลยครับ เป็นพลังบวกให้กันและกัน กับทุกคนคนครับ พอเรามีพลังบวก ชีวิตเรามันจะขับเคลื่อนได้ง่ายขึ้น แล้วจะมีความสุขขึ้น มนุษย์ต้องการความสุขเพื่อทำให้ชีวิตมันเดินต่อไป ถ้าเรามีแต่ความทุกข์ เราก็รับได้ แต่แค่ถ้ารับมาเยอะๆ มันก็ไม่ดี เลยรู้สึกว่ามันบั่นทอน เลยอยากจะเป็นพลังบวกให้กับใครหลายๆ คน”
รับชมบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ออฟโรด เปิดเส้นทางต่อสู้ จากวันไม่มีเงินซื้อไก่ทอด สู่การเป็นเสาหลักครอบครัว
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th