คริสตัล พาเลซ พบ ลิเวอร์พูล! 5 ประเด็นหงส์ปีกหักโดนอินทรีจิกดับศึกคอมมิวนิตี้ชิลด์
1. พาเลซ จัดเต็มส่งชุดแชมป์ เอฟเอ คัพ ลุย
โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ผู้จัดการทีม คริสตัล พาเลซ เลือกส่งทีม 11 คนแรกชุดสยบ แมนฯ ซิตี้ 1-0 คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองลงบู๊กับแชมป์ พรีเมียร์ลีก
ในจำนวนนี้ มาร์ค เกฮี เซ็นเตอร์ฮาล์ฟกัปตันทีมที่ถูกลือกับ หงส์แดง ยังได้เดินนำหน้าลูกทีมลงสนามเช่นเดียวกับ เอเบเรชี่ เอเซ่ ปีกทีมชาติ อังกฤษ ที่ถูกระบุว่ามีแววย้ายไปค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล
สำหรับสองนักเตะใหม่ในซัมเมอร์นี้ของ อินทรีผงาดฟ้า ทั้ง วอลเตอร์ เบนิเตซ และ บอร์นา โซซ่า ถูกจัดให้นั่งข้างสนามทั้งคู่
2. ลิเวอร์พูล ไร้ กราเฟนแบร์ก-โจนส์ เสียบ
อาร์เน่อ สล็อต กุนซือ ลิเวอร์พูล จัดทัพลงสนามเกมนี้โดยไม่มี ไรอัน กราเฟนแบร์ก กองกลางคนสำคัญที่ผละไปเฝ้าแฟนสาวที่ให้กำเนิดทายาทคนแรกของทั้งคู่เมื่อคืน ส่งผลให้ เคอร์ติส โจนส์ ได้เสียบแทน
ด้าน คอสตาส ซิมิคาส ไร้ชื่อเป็นตัวสำรองซึ่งส่อเค้าลางไม่สู้ดีต่ออนาคตการค้าแข้งกับสโมสรหลังรับใช้ หงส์แดง มานานห้าปีโดยมีรายงานข่าวระบุว่า เร้ด แมชีน ต้องการขายเขาทิ้งอีกรายในซัมเมอร์นี้
สำหรับ ดาร์วิน นูนเญซ หมดสิทธิ์มีส่วนร่วมหลังเซ็นสัญญาย้ายไปค้าแข้งกับ อัล ฮิลาล ก่อนแล้ว
อย่างไรก็ดี แชมป์ พรีเมียร์ลรีก มี ริโอ เอ็นกูโมฮา เจ้าหนูวัย 16 ปีรอถูกเรียกตัวจากม้านั่งสำรองหลังเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าฮือฮาในช่วงปรีซีซั่น
3. สามแข้งใหม่เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนหงส์
หลังย้ายมาจาก ไอนทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ในที่สุด อูโก้ เอกิติเก้ ตัวรุกเฟร้นช์แมนรายใหม่ก็ลดความกดดันให้กับตัวเองได้ด้วยการซัดประตูแรกในสีเสื้อของ เครื่องจักรสีแดง เป็นผลสำเร็จ
เพียงแค่สี่นาทีแรกของเกม เอกิติเก้ ทำให้ตัวเองมีชื่อติดสกอร์บอร์ดจากการกระชากบอลตัดจากกราบซ้ายเข้ามาตะบันเสียบเสาไกลโดยประตูนี้ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ที่ย้ายมาจาก บุนเดสลีกา เช่นกันเป็นคนจัดแอสซิสต์
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ทั้ง เวียร์ตซ์ กับ เอกิติเก้ มีจังหวะประสานงานกันหลายหนด้วย แถม เอกิติเก้ น่าจะบวกเม็ดสองให้กับตัวเองได้ด้วยซ้ำจากการผ่านบอลจากฝั่งซ้ายเหมือนเดิมของดาวเตะค่าตัว 100 ล้านปอนด์
นอกจากประตูแรกของ ลิเวอร์พูล แล้ว แชมป์ลีกเมืองผู้ดียังได้เม็ดสองนำหน้าอีกหน 2-1 จากฝีเท้าของ เจเรมี่ ฟริมปง ที่ย้ายมาจากลีกเมืองเบียร์อีกรายแม้จังหวะนี้แบ็คขวาทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ จะเจตนาสาดลูกโด่งจากกราบขวาไปเสาไกล แต่เผอิญว่าบอลลอยข้าม ดีน เฮนเดอร์สัน มุดเข้าปะทะตาข่ายอย่างพอดิบพอดีแม้อดีตดาวเตะทีม ห้างยา จะไม่ได้คิดสับไกด้วยตัวเองก็ตาม
สรุปได้ว่าแม้จะชวดได้โล่แชมป์การกุศล แต่สิ่งที่พอจะมองถึงแง่ดีในเกมนี้ได้สำหรับ ลิเวอร์พูล คือผลงานของสามนักเตะใหม่ซึ่งมีส่วนทำให้ทีมได้สองประตูของเกมก่อนที่พวกเขาจะเริ่มต้นป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในสัปดาห์หน้า
4. ดิ อีเกิ้ลส์ ไม่ธรรมดา
หลังได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ด้วยการเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ กลาสเนอร์ สำแดงฝีมือพาทีมซิวโล่แชมป์การกุศลได้อีกจากการพิชิต ลิเวอร์พูล แม้จะเป็นการดวลลูกโทษชี้ขาดก็ตาม
แต่ที่แน่ๆ จะเห็นได้ว่า พาเลซ ไม่ยอมถอดใจง่ายๆทั้งๆที่เป็นฝ่ายตามหลัง หงส์แดง ทั้งสองหนก่อนกำชัยได้สำเร็จโดยมี เฮนเดอร์สัน เป็นฮีโร่เซฟลูกโทษ
นอกจากนี้ สถิติตีแผ่ให้เห็นด้วยว่าแม้ ลิเวอร์พูล จะครองเกมได้เหนือกว่า แต่จังหวะต่างๆในเกม ทีมจากลอนดอนไม่ได้เป็นรองเลยโดยในช่วง 45 นาทีแรก หงส์แดง ครองบอลได้เหนือกว่า 64.8%:35.2% แต่เป็น พาเลซ ที่ได้ยิงมากกว่า 5 ครั้งเข้ากรอบ 1 ครั้ง ขณะที่แชมป์ลีกได้ยิง 4 ครั้งเข้ากรอบ 2 ครั้ง
กระทั่งโม่แข้งกันครบ 90 นาทีก่อนเข้าสู่ช่วงการดวลลูกโทษตัดสิน ลิเวอร์พูล ยังครองบอลได้มากกว่าก็จริงจากตัวเลข 59.4%:40.6% แต่เป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ ที่ได้ยิงประตูมากกว่า 14:12 ครั้งแม้พวกเขาจะส่งบอลเข้ากรอบได้น้อยกว่า 4:5 ครั้ง
ฉะนั้นแล้ว มันจึงชัดเจนว่าซีซั่นหน้าทุกสโมสรไม่อาจประมาท พาเลซ ได้เลยทั้งๆที่ซัมเมอร์นี้พวกเขาเสริมทัพน้อยมากจากการเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่แค่สองรายเท่านั้น เว้นก็แต่ว่าทีมเมืองหลวงจะเสียสองคีย์แมนอย่าง เอเซ่ กับ เกฮี ก่อนปิดตลาดก็อาจทำให้ อินทรีผงาดฟ้า ต่อยอดความสำเร็จในซีซั่นหน้าได้ลำบาก
5. ฟาน ไดค์-ซาลาห์ นัดกันจบเห่ ?
ในช่วงที่ ลิเวอร์พูล ยังไม่ได้ต่อสัญญากับ โม ซาลาห์ และ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ แฟนบอล หงส์แดง กระหายให้สโมสรเสนอสัญญาอีกสองปีให้กับทั้งคู่แม้บอร์ดจะมีกฏต่อสัญญากับนักเตะอายุเกิน 30 ปีแบบปีต่อไป
จนในที่สุด หลังผู้บริหารของถิ่น แอนฟิลด์ ทำตามเสียงเรียกร้องของกองเชียร์ มันอาจกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดก็เป็นได้เมื่อเล็งไปที่ผลงานของสองสตาร์ดัง
ในรายของ ฟาน ไดค์ ไม่เพียงทำเสียลูกโทษในจังหวะปะทะ อิสไมล่า ซาร์ ล้มจนทีมโดนตีเสมอ 1-1 จากการสังหารลูกโทษของ ฌอง ฟิลิปป์ มาเตต้า หากแต่กองหลังดัตช์ยังน่าจะเช็กล้ำหน้าพลาดด้วยจนเปิดโอกาสให้ ซาร์ ทะลุไปซัดประตูตีเสมอ 2-2 ให้กับ อินทรีผงาดฟ้า
มองดูแล้วในวัย 34 ปีเหมือน ฟาน ไดค์ จะเชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ บังโม ในวัย 33 ปีก็มีเกมในช่วงปรีซีซั่นย่ำแย่ทุกนัดจนคล้ายกับว่าเขาร่วงจากจุดสูงสุดของอาชีพพ่อค้าแข้งไปซะแล้ว
นอกจากจะไร้พิษสงในเกม ซาลาห์ ยังยิงลูกโทษพลาดเป็นนัดที่สองด้วยซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่หากเผอิญว่าสตาร์ทีมชาติ อียิปต์ ซึ่งซีซั่นก่อนยิงประตูได้อย่างอันตรายจะฟอร์มตกแบบกู่ไม่กลับซึ่งจะส่งผลให้ เร้ด แมชีน เจองานหนักในการพยายามป้องกันแชมป์ลีกซีซั่นหน้าที่กำลังจะเปิดฉากอยู่รอมร่อ