เปิดปฏิบัติการ CAR SCAMS ทลายเครือข่ายฉ้อโกงประชาชน หลอกจำนำรถ ส่งขายตลาดมืดในและนอกประเทศ
วันที่ 21 ส.ค. 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เปิดปฏิบัติการ "CAR SCAMS" ทลายเครือข่ายฉ้อโกงประชาชน หลอกจำนำรถ ส่งขายตลาดมืดทั่วทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จำนวน 2 เครือข่าย จับกุม 7 ผู้ต้องหา ยึดรถคืนผู้เสียหาย 5 คัน
เครือข่ายคดีแรก กองกำกับการ 2 และ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงใน สังกัด กก.2 และ กก.5 บก.ทล. ทลายเครือข่ายฉ้อโกงประชาชนหลอกจำนำรถยนต์ทั่วประเทศ พฤติการณ์ ผู้เสียหายได้เห็นตำรวจทางหลวงแถลงข่าวทลายเครือข่ายแก๊งจำนำรถจึงติดต่อมายังหมายเลข 1193 แจ้งว่า ได้ถูกกลุ่มบุคคลหลอกลวงให้นำรถยนต์มาจำนำ แต่สุดท้ายกลับถูกเชิดรถไปขายต่อ โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะใช้วิธีการลงโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook Page และเว็บไซต์ ชักชวนให้ประชาชนที่เดือดร้อนด้านการเงิน นำรถยนต์ที่ยังติดสัญญาเช่าซื้อ (รถที่ยังผ่อนไม่หมด) มาจำนำ ได้รับเงินจำนำจากคนร้าย 77,000 บาท วันรุ่งขึ้นติดต่อขอไถ่คืน คนร้ายบอกโอนค่าไถ่จำนำมา 90,000 บาท รวมดอกเบี้ย จากนั้นเชิดเงินและรถหนีไป ผู้เสียหายเสียทั้งรถ เสียทั้งเงิน และยังต้องรับภาระผ่อนกับไฟแนนซ์ต่ออีก จนเคยคิดสั้นแต่ญาติพี่น้องได้ปลอบให้กำลังใจ
ตำรวจทางหลวงได้ทำการสืบสวนคดีนี้กว่า 1 เดือน พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะเปิดเพจรับจำนำรถ โดยจะคัดเลือกเหยื่อผู้เสียหายที่มีความต้องการที่จะต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน และรถที่กลุ่มผู้ต้องหาต้องการจะเป็นรถประเภทติดสัญญาเช่าซื้อ (รถที่ยังผ่อนไม่หมด) เนื่องด้วยผู้เสียหายจะไม่สามารถไปแจ้งความให้ยึดรถ หรือดำเนินคดีได้ทันที เพราะผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นของบริษัทไฟแนนซ์ และหากว่าบริษัทไฟแนนซ์ทราบว่ารถที่ยังติดสัญญาเช่าซื้ออยู่ถูกนำไปจำนำต้องมีขั้นตอนและใช้เวลาค่อนข้างนาน
จากการสืบสวนได้ทราบว่าได้มีพฤติการณ์แบบนี้กระจายไปกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ โดยผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ทำมาแล้วกว่า 7-8 ปี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ตำรวจทางหลวงจึงได้ร่วมกับ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน รวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหารวมทั้งสิ้นจำนวน 6 ราย โดยแต่ละคนมีหน้าที่ ดังนี้ 1. นาย ว. มีหน้าที่หาเช่ารถยนต์มาใช้ในการก่อเหตุ 2. น.ส. ส. จะมีหน้าที่เป็นผู้ไปพูดคุยเกี่ยวกับการรับจำนำรถยนต์ของผู้เสียหายเพื่อหว่านล้อมผู้เสียหายให้หลงเชื่อและโอนเงินค่าจำนำให้ 3. น.ส. ข. มีหน้าที่ในการรับเงินทุนจาก เสี่ยโจ้ (นามสมมติ) และโอนเงินทุนในการหลอกรับจำนำเข้าบัญชีธนาคารของ นางสาว ขท. 4. นาย ก. มีหน้าที่ เป็นนักบิน 5. นางสาว ขท. เปิดบัญชีม้าเพื่อให้ น.ส. ส. ใช้หลอกผู้เสียหาย 6.นาย ส. เปิดบัญชีม้าเพื่อให้น.ส. ส. ใช้โอน-รับโอนเงินอีกทอด และอยู่ระหว่างการสืบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติมอีก 1 ราย เสี่ยโจ้ (นามสมมติ) เป็นนายทุน คนมีสี คอยผู้สั่งการและเมื่อผู้เสียหายตกลงกลุ่มคนร้ายก็จะมีการนัดรับรถยนต์
เครือข่ายที่ 2 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จับกุมผู้ต้องหาหลอกรับจำนำรถ 1 ราย ยึดรถคืนผู้เสียหาย 5 คัน
พฤติการณ์ เมื่อต้นเดือน มิ.ย.68 น.ส.เอ นามสมมุติ ผู้เสียหายได้ติดต่อขอความช่วยเหลือ ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา เนื่องจากเห็นข่าวตำรวจทางหลวงช่วยติดตามจับกุมการโจรกรรมรถได้คืน จึงอยากขอความช่วยเหลือ เพราะถูกหลอกรถคันแรกของชีวิต ที่เสียทั้งเงิน เสียทั้งรถ โดยผู้เสียหายแจ้งว่า เมื่อเดือน ก.พ.68 ผู้เสียหายได้รู้จักนายนพดลฯ ผ่านทางเฟซบุ๊ก อ้างตัวเป็นนายหน้าคนกลางให้กู้ยืมเงิน แอบอ้าง แสดงตัวเป็นลูกหม่อมฯ มียศถาบรรดาศักดิ์ พร้อมพูดคุยลักษณะชู้สาว อ้างประกอบธุรกิจใหญ่หลายอย่าง ในพื้นที่เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา จนเกิดเชื่อใจ ระหว่างนั้นหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าดำเนินการต่างๆกว่า 200 ครั้ง เป็นเงินกว่า 150,000 บาท และนำรถของผู้เสียหายไปขายต่อในราคา 31,000 บาท
ต่อมา ตำรวจทางหลวงนครราชสีมาใช้เวลา 1 เดือนเศษ ทำการสืบสวนร่วมกับ สภ.หมูสี จนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ นายนพดลฯ ผู้ต้องหา และติดตามจับกุมได้เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2568 โดยตำรวจทางหลวงได้ติดตามรถของกลางคืนผู้เสียหายได้ในวันที่ 17 กค.68 และขยายผลติดตามรถให้ผู้เสียหายรายอื่นเพิ่มเติมได้อีก 5 คัน ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา, เพชรบูรณ์ และระยอง
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน