กลยุทธ์ส่งต่อความมั่งคั่งธุรกิจครอบครัว สู่ความ “ยั่งยืน”
富不过三代 (ฟู่ปู๋กั้วซานไต้) “รวยได้ก็ไม่เกินสามรุ่น”
ธุรกิจครอบครัวมักมี “คำสาปรุ่นที่ 3” ที่ทุกคนพูดถึงอยู่เสมอ ทั้งในข่าวที่เราได้เห็นกันทุกๆ ปี หรือเหมือนกับหนังหรือซีรีส์ดังต่างๆ ที่รุ่นพ่อสร้างมาทั้งชีวิต แต่ลูกกลับ “แย่งกัน” ใช้ จนสุดท้ายอาณาจักรที่รุ่นพ่อสร้าง รุ่นลูก-หลานก็ทำพังลงไป
หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในหนังและชีวิตจริงก็ได้สร้างความกังวลใจแก่ผู้ประกอบการที่เล็งให้ทายาทมาสานต่อธุรกิจของพวกเราไม่มากก็น้อย แต่คำถามที่อยากชวนทุกคนคิดไม่ใช่ว่า คำสาปรุ่นที่ 3 เกิดจากอะไร แต่เป็นการชวนคิดว่า กลยุทธ์อะไรคือกระบวนการที่ทำให้ธุรกิจครอบครัวเราก้าวผ่านวิกฤตรุ่นที่ 3 และส่งต่อ “มรดกความมั่งคั่ง” ได้จากรุ่นสู่รุ่นอย่าง “ยั่งยืน” ?
จากประสบการณ์กว่า 10 ปีในฐานะที่ปรึกษาธุรกิจครอบครัว และผู้ก่อตั้งบริษัท Aunyanuphap Consulting จำกัด รวมถึงเจ้าของเพจ “คุยกับกงสี” ที่มีผู้ติดตามกว่า 30,000 คน ผม ธีรภาพ อัญญานุภาพ จะมาบอกเคล็ดลับการสร้างกลยุทธ์ธุรกิจครอบครัวให้เติบโต มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามแบบฉบับธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที
กลยุทธ์ที่ 1: กลยุทธ์เจ้าของ (Owner Strategy)
การกำหนดกลยุทธ์ของเจ้าของกิจการ ว่าได้ก็เหมือนเหล่าผู้ถือหุ้น (Shareholder) ของบริษัท เพราะคนที่มีอำนาจสูงสุดในบริษัทไม่ใช่ผู้บริหาร ไม่ใช่กรรมการ แต่เป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่แล้วก็คือสมาชิกครอบครัวของเรานั่นเอง ดังนั้น เจ้าของซึ่งเป็นคนในครอบครัว ต้องมีความผสมผสานกลมเกลียว (Synergy) กันอย่างลงตัว เพราะหากไม่มี Synergy อนาคตของธุรกิจก็จะขัดแย้งกัน ทำให้การบริหารธุรกิจไม่ราบรื่น ส่งผลต่อการเติบโตของบริษัทในท้ายที่สุด ดังนั้นแล้ว เจ้าของสามารถกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจครอบครัวได้ด้วย 3 แนวทางด้วยกัน
แนวทางที่ 1 กลยุทธ์เติบโต (Growth): เติบโตเพื่อสร้างส่วนแบ่งในตลาด ขยายกิจการอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์การเติบโตจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เรือธงเพื่อให้กิจการของเรานั้นเติบใหญ่ ซึ่งผลกำไรสุทธิบริษัท (Net Profit) ก็จะกลับไปลงทุนใหม่ในกิจการ ไม่ได้มีการปันผลต่อเจ้าของ
แนวทางที่ 2 กลยุทธ์ควบคุม (Control): ควบคุมอำนาจตัดสินใจไว้อยู่ที่ผู้ถือหุ้นเดิม ไม่มีนโยบายรับผู้ลงทุนใหม่ และจำกัดตำแหน่งบริหารไว้เฉพาะสมาชิกครอบครัวเพื่อการควบคุมธุรกิจได้อย่างสะดวกสบาย
แนวทางที่ 3 กลยุทธ์เพิ่มสภาพคล่องครอบครัว (Liquidate): เปิดรับผู้ลงทุนใหม่ หรือวางแผน Exit มอบอำนาจบริหารแก่มืออาชีพ บุคคลภายนอก โดยกำไรสุทธิบริษัทก็จะดำเนินการปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เพื่อสร้างความมั่งคั่งนอกกิจการต่อไป
กลยุทธ์ที่ 2: กลยุทธ์ธรรมาภิบาลธุรกิจครอบครัว (Family Business Governance Strategy)
กลยุทธ์ธรรมาภิบาลธุรกิจครอบครัว เป็นเรื่องที่หลายครอบครัวแสวงหามาอย่างยาวนานไม่ว่าจะเรื่องของ บทบาท หน้าที่ ค่าตอบแทน อำนาจตัดสินใจ ทรัพย์สินกงสี หรือแม้กระทั่งสวัสดิการครอบครัว หากไม่วางแผนให้รอบคอบความมั่งคั่งของตระกูลก็หายไปได้เพราะความไม่ชัดเจนภายใน จนเกิดความไม่แฟร์ระหว่างพี่น้อง กลายเป็นเกมการเมืองกงสี
ดังนั้นแล้ว “ธรรมนูญครอบครัว” จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งเพื่อสร้างกฎระเบียบภายในกำหนดความชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและครอบครัว และกำหนดวิธีการบริหารธุรกิจครอบครัวตามที่ทุกคนได้เห็นพ้องต้องกันผ่านการกำหนดค่านิยมครอบครัว อนาคต โครงสร้าง สิทธิหน้าที่ สวัสดิการครอบครัว การบริหารธุรกิจ การสืบทอด ทรัพย์กงสี ความมั่งคั่ง และกฎข้อบังคับภายในครอบครัว การกำหนดกฎระเบียบภายในธุรกิจครอบครัวก็จะเป็นการสร้างความชัดเจนโปร่งใส เป็นกรอบธรรมาภิบาลให้สมาชิกครอบครัวทุกคนได้เข้าใจว่าการเป็นสมาชิกครอบครัวภายในกงสีนี้ เราได้มีวัตถุประสงค์ มีข้อบังคับ มีการดูแล มีรูปแบบการบริหาร มีค่าตอบแทนรวมถึงบทลงโทษอย่างไรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม “ความแฟร์” แก่สมาชิกครอบครัวทุกฝ่าย
กลยุทธ์ที่ 3: กลยุทธ์โครงสร้าง (Structure Strategy)
โครงสร้างธุรกิจครอบครัวที่ดีควรสนับสนุนความมั่งคั่งและการเติบโต ดังนั้นแล้วกลยุทธ์โครงสร้างธุรกิจครอบครัวก็ควรที่จะกักเก็บความมั่งคั่ง และแบ่งแยกการเงินของบริษัท เงินกงสี เงินครอบครัวออกจากกัน ซึ่งสามารถทำได้ผ่านเครื่องมือบริษัทหนึ่งเรียกว่าบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) ซึ่ง Holding นั้นเปรียบได้กับเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจ ทำการถือหุ้นกิจการภายในเครือตามสัดส่วนที่ผู้ถือหุ้นกำหนด และมีผลทางกฎหมาย
การที่ธุรกิจครอบครัวมี Holding Company จะทำให้ครอบครัวมีความสามารถในการควบคุมความมั่งคั่งของกลุ่มบริษัทตาม Owner Strategy (กลยุทธ์ที่ 1) ไม่ว่าจะนำไปต่อยอดกิจการใหม่ภายในกลุ่มธุรกิจ มีอำนาจควบคุมธุรกิจภายในกลุ่ม หรือทำการปันผลสู่ผู้ถือหุ้น รวมถึงมีสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีเงินปันผล (ภาษีหัก ณ ที่จ่าย) ภาษีธุรกิจเฉพาะ และการบริหารภาษีมรดก ด้วยกลยุทธ์หุ้นบุริมสิทธิซึ่งนั้นก็เป็นอีกกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมความมั่งคั่งในธุรกิจครอบครัวเช่นเดียวกัน
กลยุทธ์ที่ 4: กลยุทธ์การสืบทอด (Succession Strategy)
เมื่อมีอนาคต มีธรรมาภิบาล มีโครงสร้าง ก็ย่อมต้องมีผู้สืบทอดในธุรกิจครอบครัว แต่หลายครอบครัวมักเข้าใจผิดว่าการส่งต่อคือการมอบทุกอย่างไปให้ลูกหลานหมดจึงทำให้ไม่กล้าที่จะส่งต่อเพราะกลัวจะสูญเสียอำนาจความเป็นเจ้าของทั้งหมด ซึ่งเป็นหลักคิดที่ผิดอย่างมาก กลยุทธ์การสืบทอดที่ก่อให้เกิดความมั่งคั่งยั่งยืนจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างการส่งต่อความเป็นเจ้าของผ่านหุ้น (Ownership Transition) และการส่งต่ออำนาจการบริหารผ่านตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหาร (Management Transition)
ดังนั้น เมื่อทราบความแตกต่างแล้ว รุ่นผู้ใหญ่จึงเริ่มวางกลยุทธ์ส่งต่อโดยเริ่มต้น “ทยอย” ส่งต่อการบริหารที่ทำได้ทันที เช่น การตลาด บัญชี การควบคุมสินค้า การผลิต เป็นต้น ซึ่งการส่งต่อการบริหารไม่เป็นเพียงการลดหน้าที่การบริหารรุ่นผู้ใหญ่เท่านั้น แต่เป็นการสร้างบทพิสูจน์ให้กับลูกหลาน ให้พวกเขามีพื้นที่ที่จะแสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ สร้าง Trust ภายในเหล่าผู้บริหาร และเมื่อเวลาที่เหมาะสมก็สามารถส่งต่อความเป็นเจ้าของผ่านการทยอยโอนหุ้น หรือเป็นทรัพย์มรดกได้ตามแต่ที่ครอบครัวได้พูดคุยตกลงกัน
บทสรุปส่งท้าย
ภายใต้ 4 แนวทางนี้ ธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จได้เริ่มวางกลยุทธ์ทั้งหมดไปพร้อม ๆ กัน ดำเนินการวางอนาคต สร้างกฎระเบียบ ปรับโครงสร้าง และส่งต่อธุรกิจไปสู่ลูกหลาน ซึ่งเป็นการสร้างความมั่งคั่งทางด้านการเงินของธุรกิจ และครอบครัว แต่มากไปกว่านั้นคือความมั่งคั่งด้านจิตใจภายในครอบครัวเพราะธุรกิจครอบครัวมีอนาคตที่สดใส พร้อมมีทายาทที่พร้อมเข้ามาสานต่อกิจการ ลบล้างคำสาปในธุรกิจครอบครัวของคุณได้อย่างยั่งยืน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กลยุทธ์ส่งต่อความมั่งคั่งธุรกิจครอบครัว สู่ความ “ยั่งยืน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “ไชยชนก” มั่นใจข้อเท็จจริง ไม่หวั่น “ภูมิธรรม” สั่งเดินหน้าสอบที่ดินเขากระโดง
- กลยุทธ์ส่งต่อความมั่งคั่งธุรกิจครอบครัว สู่ความ “ยั่งยืน”
- ธุรกิจครอบครัว ลูกชายนั่งขายยาบ้า แม่คอยเก็บเงิน ลูกคนโตนำมาปล่อย ปกครองบุกจับคาบ้าน
- ชัญชกร ชัยพรหมประสิทธิ์ ผู้บริหารไฟแรง พร้อมพิสูจน์ฝีมือสร้างธุรกิจครอบครัวให้ยืนแถวหน้า
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath