โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

กลยุทธ์ส่งต่อความมั่งคั่งธุรกิจครอบครัว สู่ความ “ยั่งยืน”

Thairath Money

อัพเดต 31 ส.ค. เวลา 05.43 น. • เผยแพร่ 31 ส.ค. เวลา 05.43 น.
ภาพไฮไลต์

富不过三代 (ฟู่ปู๋กั้วซานไต้) “รวยได้ก็ไม่เกินสามรุ่น”

ธุรกิจครอบครัวมักมี “คำสาปรุ่นที่ 3” ที่ทุกคนพูดถึงอยู่เสมอ ทั้งในข่าวที่เราได้เห็นกันทุกๆ ปี หรือเหมือนกับหนังหรือซีรีส์ดังต่างๆ ที่รุ่นพ่อสร้างมาทั้งชีวิต แต่ลูกกลับ “แย่งกัน” ใช้ จนสุดท้ายอาณาจักรที่รุ่นพ่อสร้าง รุ่นลูก-หลานก็ทำพังลงไป

หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในหนังและชีวิตจริงก็ได้สร้างความกังวลใจแก่ผู้ประกอบการที่เล็งให้ทายาทมาสานต่อธุรกิจของพวกเราไม่มากก็น้อย แต่คำถามที่อยากชวนทุกคนคิดไม่ใช่ว่า คำสาปรุ่นที่ 3 เกิดจากอะไร แต่เป็นการชวนคิดว่า กลยุทธ์อะไรคือกระบวนการที่ทำให้ธุรกิจครอบครัวเราก้าวผ่านวิกฤตรุ่นที่ 3 และส่งต่อ “มรดกความมั่งคั่ง” ได้จากรุ่นสู่รุ่นอย่าง “ยั่งยืน” ?

จากประสบการณ์กว่า 10 ปีในฐานะที่ปรึกษาธุรกิจครอบครัว และผู้ก่อตั้งบริษัท Aunyanuphap Consulting จำกัด รวมถึงเจ้าของเพจ “คุยกับกงสี” ที่มีผู้ติดตามกว่า 30,000 คน ผม ธีรภาพ อัญญานุภาพ จะมาบอกเคล็ดลับการสร้างกลยุทธ์ธุรกิจครอบครัวให้เติบโต มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามแบบฉบับธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

กลยุทธ์ที่ 1: กลยุทธ์เจ้าของ (Owner Strategy)

การกำหนดกลยุทธ์ของเจ้าของกิจการ ว่าได้ก็เหมือนเหล่าผู้ถือหุ้น (Shareholder) ของบริษัท เพราะคนที่มีอำนาจสูงสุดในบริษัทไม่ใช่ผู้บริหาร ไม่ใช่กรรมการ แต่เป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่แล้วก็คือสมาชิกครอบครัวของเรานั่นเอง ดังนั้น เจ้าของซึ่งเป็นคนในครอบครัว ต้องมีความผสมผสานกลมเกลียว (Synergy) กันอย่างลงตัว เพราะหากไม่มี Synergy อนาคตของธุรกิจก็จะขัดแย้งกัน ทำให้การบริหารธุรกิจไม่ราบรื่น ส่งผลต่อการเติบโตของบริษัทในท้ายที่สุด ดังนั้นแล้ว เจ้าของสามารถกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจครอบครัวได้ด้วย 3 แนวทางด้วยกัน

แนวทางที่ 1 กลยุทธ์เติบโต (Growth): เติบโตเพื่อสร้างส่วนแบ่งในตลาด ขยายกิจการอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์การเติบโตจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เรือธงเพื่อให้กิจการของเรานั้นเติบใหญ่ ซึ่งผลกำไรสุทธิบริษัท (Net Profit) ก็จะกลับไปลงทุนใหม่ในกิจการ ไม่ได้มีการปันผลต่อเจ้าของ

แนวทางที่ 2 กลยุทธ์ควบคุม (Control): ควบคุมอำนาจตัดสินใจไว้อยู่ที่ผู้ถือหุ้นเดิม ไม่มีนโยบายรับผู้ลงทุนใหม่ และจำกัดตำแหน่งบริหารไว้เฉพาะสมาชิกครอบครัวเพื่อการควบคุมธุรกิจได้อย่างสะดวกสบาย

แนวทางที่ 3 กลยุทธ์เพิ่มสภาพคล่องครอบครัว (Liquidate): เปิดรับผู้ลงทุนใหม่ หรือวางแผน Exit มอบอำนาจบริหารแก่มืออาชีพ บุคคลภายนอก โดยกำไรสุทธิบริษัทก็จะดำเนินการปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เพื่อสร้างความมั่งคั่งนอกกิจการต่อไป

กลยุทธ์ที่ 2: กลยุทธ์ธรรมาภิบาลธุรกิจครอบครัว (Family Business Governance Strategy)

กลยุทธ์ธรรมาภิบาลธุรกิจครอบครัว เป็นเรื่องที่หลายครอบครัวแสวงหามาอย่างยาวนานไม่ว่าจะเรื่องของ บทบาท หน้าที่ ค่าตอบแทน อำนาจตัดสินใจ ทรัพย์สินกงสี หรือแม้กระทั่งสวัสดิการครอบครัว หากไม่วางแผนให้รอบคอบความมั่งคั่งของตระกูลก็หายไปได้เพราะความไม่ชัดเจนภายใน จนเกิดความไม่แฟร์ระหว่างพี่น้อง กลายเป็นเกมการเมืองกงสี

ดังนั้นแล้ว “ธรรมนูญครอบครัว” จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งเพื่อสร้างกฎระเบียบภายในกำหนดความชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและครอบครัว และกำหนดวิธีการบริหารธุรกิจครอบครัวตามที่ทุกคนได้เห็นพ้องต้องกันผ่านการกำหนดค่านิยมครอบครัว อนาคต โครงสร้าง สิทธิหน้าที่ สวัสดิการครอบครัว การบริหารธุรกิจ การสืบทอด ทรัพย์กงสี ความมั่งคั่ง และกฎข้อบังคับภายในครอบครัว การกำหนดกฎระเบียบภายในธุรกิจครอบครัวก็จะเป็นการสร้างความชัดเจนโปร่งใส เป็นกรอบธรรมาภิบาลให้สมาชิกครอบครัวทุกคนได้เข้าใจว่าการเป็นสมาชิกครอบครัวภายในกงสีนี้ เราได้มีวัตถุประสงค์ มีข้อบังคับ มีการดูแล มีรูปแบบการบริหาร มีค่าตอบแทนรวมถึงบทลงโทษอย่างไรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม “ความแฟร์” แก่สมาชิกครอบครัวทุกฝ่าย

กลยุทธ์ที่ 3: กลยุทธ์โครงสร้าง (Structure Strategy)

โครงสร้างธุรกิจครอบครัวที่ดีควรสนับสนุนความมั่งคั่งและการเติบโต ดังนั้นแล้วกลยุทธ์โครงสร้างธุรกิจครอบครัวก็ควรที่จะกักเก็บความมั่งคั่ง และแบ่งแยกการเงินของบริษัท เงินกงสี เงินครอบครัวออกจากกัน ซึ่งสามารถทำได้ผ่านเครื่องมือบริษัทหนึ่งเรียกว่าบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) ซึ่ง Holding นั้นเปรียบได้กับเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจ ทำการถือหุ้นกิจการภายในเครือตามสัดส่วนที่ผู้ถือหุ้นกำหนด และมีผลทางกฎหมาย

การที่ธุรกิจครอบครัวมี Holding Company จะทำให้ครอบครัวมีความสามารถในการควบคุมความมั่งคั่งของกลุ่มบริษัทตาม Owner Strategy (กลยุทธ์ที่ 1) ไม่ว่าจะนำไปต่อยอดกิจการใหม่ภายในกลุ่มธุรกิจ มีอำนาจควบคุมธุรกิจภายในกลุ่ม หรือทำการปันผลสู่ผู้ถือหุ้น รวมถึงมีสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีเงินปันผล (ภาษีหัก ณ ที่จ่าย) ภาษีธุรกิจเฉพาะ และการบริหารภาษีมรดก ด้วยกลยุทธ์หุ้นบุริมสิทธิซึ่งนั้นก็เป็นอีกกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมความมั่งคั่งในธุรกิจครอบครัวเช่นเดียวกัน

กลยุทธ์ที่ 4: กลยุทธ์การสืบทอด (Succession Strategy)

เมื่อมีอนาคต มีธรรมาภิบาล มีโครงสร้าง ก็ย่อมต้องมีผู้สืบทอดในธุรกิจครอบครัว แต่หลายครอบครัวมักเข้าใจผิดว่าการส่งต่อคือการมอบทุกอย่างไปให้ลูกหลานหมดจึงทำให้ไม่กล้าที่จะส่งต่อเพราะกลัวจะสูญเสียอำนาจความเป็นเจ้าของทั้งหมด ซึ่งเป็นหลักคิดที่ผิดอย่างมาก กลยุทธ์การสืบทอดที่ก่อให้เกิดความมั่งคั่งยั่งยืนจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างการส่งต่อความเป็นเจ้าของผ่านหุ้น (Ownership Transition) และการส่งต่ออำนาจการบริหารผ่านตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหาร (Management Transition)

ดังนั้น เมื่อทราบความแตกต่างแล้ว รุ่นผู้ใหญ่จึงเริ่มวางกลยุทธ์ส่งต่อโดยเริ่มต้น “ทยอย” ส่งต่อการบริหารที่ทำได้ทันที เช่น การตลาด บัญชี การควบคุมสินค้า การผลิต เป็นต้น ซึ่งการส่งต่อการบริหารไม่เป็นเพียงการลดหน้าที่การบริหารรุ่นผู้ใหญ่เท่านั้น แต่เป็นการสร้างบทพิสูจน์ให้กับลูกหลาน ให้พวกเขามีพื้นที่ที่จะแสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ สร้าง Trust ภายในเหล่าผู้บริหาร และเมื่อเวลาที่เหมาะสมก็สามารถส่งต่อความเป็นเจ้าของผ่านการทยอยโอนหุ้น หรือเป็นทรัพย์มรดกได้ตามแต่ที่ครอบครัวได้พูดคุยตกลงกัน

บทสรุปส่งท้าย

ภายใต้ 4 แนวทางนี้ ธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จได้เริ่มวางกลยุทธ์ทั้งหมดไปพร้อม ๆ กัน ดำเนินการวางอนาคต สร้างกฎระเบียบ ปรับโครงสร้าง และส่งต่อธุรกิจไปสู่ลูกหลาน ซึ่งเป็นการสร้างความมั่งคั่งทางด้านการเงินของธุรกิจ และครอบครัว แต่มากไปกว่านั้นคือความมั่งคั่งด้านจิตใจภายในครอบครัวเพราะธุรกิจครอบครัวมีอนาคตที่สดใส พร้อมมีทายาทที่พร้อมเข้ามาสานต่อกิจการ ลบล้างคำสาปในธุรกิจครอบครัวของคุณได้อย่างยั่งยืน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กลยุทธ์ส่งต่อความมั่งคั่งธุรกิจครอบครัว สู่ความ “ยั่งยืน”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...