'อนุทิน' แถลงจับมือพรรคร่วมตั้งรัฐบาลยันเข้ามาแก้ไขปัญหาครบสี่เดือน จ่อคืนอำนาจยุบสภาให้ประชาชน
”อนุทิน“ แถลงจับมือพรรคร่วมตั้งรัฐบาลยันเข้ามาแก้ไขปัญหาครบสี่เดือน จ่อคืนอำนาจยุบสภาให้ประชาชน ลั่นพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 62 ด้านศักดานำส.ส. เพื่อไทยซบ ภท.โหวตนายก
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 68 ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.ระยอง พรรครวมไทยสร้างชาติ นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายศักดา วิเชียรศิลป์ ส.ส. กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และนายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม แถลงข่าวภายหลังจากรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้พวกเราทุกคนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มารวมตัวกันเพื่อที่จะแสดงความพร้อมในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป เพื่อที่จะทำให้ปัญหาของประเทศได้รับการแก้ไขและคลี่คลายโดยเร็ว ทำให้การขับเคลื่อนของประเทศไทย ได้ดำเนินหน้าต่อไปโดยไม่มีการหยุดชะงักวันนี้หลังจากได้รับทราบเงื่อนไขที่ทางพรรคประชาชน ได้แจ้งให้กับประชาชนทราบแล้วว่าในการที่จะขอการสนับสนุนจากพรรคประชาชนให้ไม่เกิดช่องว่างในการบริหารราชการแผ่นดินนั้น เราทั้งหมดในที่นี้ได้รับทราบเงื่อนไขของพรรคประชาชนได้มีการหารือกันพูดคุย ซึ่งได้รับทราบเจตนารมย์ของทุกคนและเงื่อนไขของพรรคประชาชนได้ยืนยันว่าจะดำเนินดำเนินการตามสิ่งที่ได้มีการหารือกันเอาไว้
นายอนุทินยังกล่าวอีกว่า ในสาระสำคัญและในเรื่องของรายละเอียดที่เป็นประเด็นสาระก็ได้เห็นความต้องการวันนี้ทั้งวัน หลังจากที่ได้รับทราบผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้วก็มารวมตัวกันและเห็นว่าจะปล่อยให้ประเทศไทยหยุดชะงักไม่ได้ ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่อาจเกิดขึ้นเพราะเหตุผลที่เป็นเสมือนเส้นผมบังภูเขา เป็นเรื่องของกลุ่มเดิมอาจจะแก้ไขไม่ได้แต่ถ้าเป็นกลุ่มของตนตนเชื่อว่าจะแก้ไขได้และมีความห่วงใยในบ้านเมือง มีความต้องการที่จะให้เกิดความสงบสุขทั้งหลายให้กับบ้านเมือง พวกเราทุกคนในที่นี้เมื่อรวมเสียงกับพรรคประชาชนแล้วเรามั่นใจว่าสามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศพร้อมเงื่อนไขต่างๆ ก็คือเรื่องของการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องของการแก้ไขปัญหาคืนความสงบสุขเจรจากับประเทศที่มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์อย่างรุนแรง เมื่อดำเนินการในเรื่องหลักๆแล้วนอกเหนือจากการบริหารทั่วไปแล้วเราก็จะคืนอำนาจให้กับประชาชนในเวลาสี่เดือนคือการยุบสภา เพื่อที่ประชาชนจะได้รีเซ็ทประเทศครั้งหนึ่งและได้ใช้อำนาจของประชาชนตัดสินใจอนาคตของบ้านเมือง
การที่จะมาอยู่ตรงนี้ตนก็ต้องแลกกับการสูญเสียบางอย่างของพรรคร่วมแต่จะปล่อยให้ประเทศอยู่โดยที่มีความเคลือบแคลงสงสัยหรือความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านเช่นนี้ไม่ได้ ทุกคนในที่นี้เราขอเข้ามาแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองในทุกด้านและคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องของการยุบสภานั้นเป็นอย่างไร นายอนุทินเผยว่า พรรคประชาชนได้เสนอทีโออาร์และตนก็พร้อมตอบรับทีโออาร์นั้นเพื่อจัดแก้ไขปัญหาและในหลักการถือว่าไม่ได้มีการขัดแย้งหรือไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด เพราะพรรคประชาชนต้องการให้มีการตกลงกันโดยมีลายลักษณ์อักษรซึ่งเป็นแนวทางการบริหารการทำงานของพรรคประชาชน ที่จะมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศ
ส่วนเงื่อนไขของประชาชนที่บอกว่าจะให้ยุบสภาเร็วเกินไปนั้น ถ้าอยู่ในเงื่อนไขเราก็ต้องรับเงื่อนไขนั้นมันไม่มีคำว่าเร็วเกินไปถึงช้าเกินไปเพราะเรารู้ว่าเงื่อนไขมีเท่านี้ดังนั้นเราต้องไปจัดลำดับความสำคัญ เรามีประสบการณ์ความสามารถความตั้งใจที่จะเข้ามาเร่งแก้ปัญหาให้ลดความกังวลทั้งหลาย
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นตนไม่ได้ปิดกั้นเพราะรัฐบาลครั้งหน้าเป็นรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์แน่นอน แล้วจะต้องทำเรื่องที่แก้ไขปัญหาที่มีอยู่ให้ผ่านไปได้โดยเร็วถ้ามีพรรคใดกลุ่มใดที่เห็นว่าจะมีความสามารถช่วยกันสร้างชาติหรือช่วยกันให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ตนและทุกคนในที่นี้ ไม่มีการตั้งแง่ใดใดทั้งสิ้น
ด้านนายสุชาติเผยว่า ตนมาทั้งสิ้น 16 คนโดยใช้เอกสิทธิ์ส.ส.เพื่อที่ดำเนินหน้าต่อไป ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นส.ส.ด้วยกันเราทุกคนมีสิทธิ์ในเอกสิทธิ์ของทุกคนหนึ่งคนหนึ่งสิทธิ์เราเห็นตรงกันและเดินมาอยู่ในจุดนี้ด้วยกัน
เมื่อถามย้ำถึงความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทินกล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและแคนดิเดตคนเดียวของพรรคภูมิใจไทยต้องบอกว่าพร้อมมาตั้งแต่ปี 2562 แล้ว ทำงานเพื่อบ้านเมืองเพื่อประชาชนเพื่อความพัฒนาสถาพรของประเทศ
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยมาบอกว่ามีอำนาจยุบสภาเพราะเป็นรัฐมนตรีรักษาการนั้นตนไม่ขอก้าวล่วงเพราะความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายกแพ้ทองทานก็สิ้นสุดลงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตนมั่นใจว่าณตอนนี้ทุกคนเรามาสร้างบ้านสร้างเมืองกันต่อไป ก็กระบวนการก็ควรจะเป็นเช่นนั้นในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
นายสุรทิน เผยว่าพรรคประชาธิปไตยใหม่ได้รับข้อมูลจากพรรคประชาชนว่าให้มาหนุนนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเหตุผลสามประการ คือปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความมั่นคง
ด้านนายนิพนธ์ เผยว่า ตนอยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าและเห็นด้วยและสนับสนุนให้มีการแก้กฎหมายที่เป็นเครื่องมือในการเลือกตั้งเมื่อเราแก้กติกาการเลือกตั้งจนเสร็จแล้วนำไปสู่การเลือกตั้งก็จะเป็นการให้ประชาชนได้ตัดสินใจว่าจะเลือกหรือมอบหมายให้ใครมาบริหารประเทศต่อไปตนอยากเห็นบ้านเมืองไปข้างหน้า
ด้านนายศักดา เผยว่านำฝั่งของพรรคเพื่อไทยมาประมาณ 10 คน และตนมองว่านายอนุทินเหมาะสมกับการเป็นนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าตนเป็นเอกสิทธิ์ของตนไม่ได้มีปัญหากับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด